ABOUT THE SPEAKER
Vilayanur Ramachandran - Brain expert
Neurologist V.S. Ramachandran looks deep into the brain’s most basic mechanisms. By working with those who have very specific mental disabilities caused by brain injury or stroke, he can map functions of the mind to physical structures of the brain.

Why you should listen

V.S. Ramachandran is a mesmerizing speaker, able to concretely and simply describe the most complicated inner workings of the brain. His investigations into phantom limb pain, synesthesia and other brain disorders allow him to explore (and begin to answer) the most basic philosophical questions about the nature of self and human consciousness.

Ramachandran is the director of the Center for Brain and Cognition at the University of California, San Diego, and an adjunct professor at the Salk Institute. He is the author of Phantoms in the Brain (the basis for a Nova special), A Brief Tour of Human Consciousness and The Man with the Phantom Twin: Adventures in the Neuroscience of the Human Brain.

More profile about the speaker
Vilayanur Ramachandran | Speaker | TED.com
TEDIndia 2009

Vilayanur Ramachandran: The neurons that shaped civilization

วีเอส รามจันทรัน: เซลล์ประสาทที่สรรค์สร้างอารยธรรม

Filmed:
2,250,451 views

นักระบบประสาทวิทยา วีเอส รามจันทรัน ได้ชี้ให้เห็นถึงการทำงานอันน่าทึ่งของ 'เซลล์ประสาทกระจกเงา' (mirror neurons) และเซลล์ประสาทที่ถูกค้นพบล่าสุดเหล่านี้เองที่ช่วยให้เราได้เรียนรู้พฤติกรรมทางสังคมอันซับซ้อนซึ่งเป็นเหตุให้อารยธรรมมนุษย์พัฒนามาเป็นอย่างทุกวันนี้
- Brain expert
Neurologist V.S. Ramachandran looks deep into the brain’s most basic mechanisms. By working with those who have very specific mental disabilities caused by brain injury or stroke, he can map functions of the mind to physical structures of the brain. Full bio

Double-click the English transcript below to play the video.

00:15
I'd like to talk to you todayในวันนี้ about the humanเป็นมนุษย์ brainสมอง,
0
0
3000
วันนี้ ผมอยากจะพูดถึงเรื่องสมองของมนุษย์อย่างเราๆ
00:18
whichที่ is what we do researchการวิจัย on at the Universityมหาวิทยาลัย of Californiaแคลิฟอร์เนีย.
1
3000
2000
ซึ่งก็เป็นงานวิจัยที่เรากำลังศึกษากันอยู่ ที่มหาวิยาลัย University of California
00:20
Just think about this problemปัญหา for a secondที่สอง.
2
5000
2000
เรามาลองขบคิดถึงปัญหาต่อไปนี้ดูสักหน่อย
00:22
Here is a lumpก้อน of fleshเนื้อ, about threeสาม poundsปอนด์,
3
7000
3000
นี่คือก้อนเนื้อ หนักราวๆ 3 ปอนด์ (1.36 กิโลกรัม)
00:25
whichที่ you can holdถือ in the palmปาล์ม of your handมือ.
4
10000
2000
ซึ่งสามารถวางบนฝ่ามือคุณได้อย่างง่ายดาย
00:27
But it can contemplateคิด the vastnessความกว้างใหญ่ of interstellarระหว่างดวงดาว spaceช่องว่าง.
5
12000
4000
แต่เจ้าก้อนน้อยๆนี้ก็สามารถขบคิดถึงความกว้างใหญ่ระดับจักรวาลได้
00:31
It can contemplateคิด the meaningความหมาย of infinityความไม่มีที่สิ้นสุด,
6
16000
2000
สามารถขบถึงความหมายของ ค่าอนันต์ หรือ ความไม่สิ้นสุด
00:33
askถาม questionsคำถาม about the meaningความหมาย of its ownด้วยตัวเอง existenceการดำรงอยู่,
7
18000
3000
ถามคำถามเกี่ยวกับความหมายของการคงอยู่ของตัวมันเอง
00:36
about the natureธรรมชาติ of God.
8
21000
2000
ไปจนถึง ธรรมชาติของ'พระเจ้าผู้สร้าง'
00:38
And this is trulyอย่างแท้จริง the mostมากที่สุด amazingน่าอัศจรรย์ thing in the worldโลก.
9
23000
2000
และนี่คือสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในโลกก็ว่าได้
00:40
It's the greatestใหญ่ที่สุด mysteryความลึกลับ confrontingปฏิบถ humanเป็นมนุษย์ beingsสิ่งมีชีวิต:
10
25000
3000
แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่คงความลึกลับมากที่สุดที่มนุษย์เราเผชิญ
00:43
How does this all come about?
11
28000
2000
แล้วมันมาได้ยังไงกันแน่?
00:45
Well, the brainสมอง, as you know, is madeทำ up of neuronsเซลล์ประสาท.
12
30000
2000
อืม... เป็นที่ทราบกันดีว่า สมองคนเรานี่ประกอบด้วยเซลล์ประสาท
00:47
We're looking at neuronsเซลล์ประสาท here.
13
32000
2000
เช่นในภาพที่เราเห็นอยู่นี้
00:49
There are 100 billionพันล้าน neuronsเซลล์ประสาท in the adultผู้ใหญ่ humanเป็นมนุษย์ brainสมอง.
14
34000
3000
มันประกอบไปด้วยเซลล์ประสาท 100 พันล้านเซลล์ ในมนุษย์วัยทำงาน
00:52
And eachแต่ละ neuronเซลล์ประสาท makesยี่ห้อ something like 1,000 to 10,000 contactsรายชื่อผู้ติดต่อ
15
37000
3000
และแต่ละเซลล์ฯก็สร้างการติดต่อสื่อสารกัน 1,000 ถึง 10,000 ครั้ง
00:55
with other neuronsเซลล์ประสาท in the brainสมอง.
16
40000
2000
กับเซลล์ประสาทรอบๆ
00:57
And basedซึ่งเป็นรากฐาน on this, people have calculatedคำนวณ
17
42000
2000
และจากข้อมูลดังกล่าว ได้มีคนคำนวนว่า
00:59
that the numberจำนวน of permutationsพีชคณิต and combinationsอยู่รวมกัน of brainสมอง activityกิจกรรม
18
44000
3000
ตัวเลขของความหลากหลาย ของกิจกรรมที่เกิดจากการคุยกันเองในเซลล์ฯเหล่านั้น
01:02
exceedsเกินกว่า the numberจำนวน of elementaryเบื้องต้น particlesอนุภาค in the universeจักรวาล.
19
47000
3000
เกินตัวเลขของธาตุพื้นฐานทุกๆธาตุของทั้งจักรวาล
01:05
So, how do you go about studyingการศึกษา the brainสมอง?
20
50000
2000
เอาล่ะ แล้วเราจะศึกษาสมองได้อย่างไร?
01:07
One approachเข้าใกล้ is to look at patientsผู้ป่วย who had lesionsแผล
21
52000
2000
วิธีหนึ่ง ก็คือ การสังเกตคนไข้ที่มีความบอบชำ้หรือแผลในส่วนต่างๆของสมอง
01:09
in differentต่าง partส่วนหนึ่ง of the brainสมอง, and studyศึกษา changesการเปลี่ยนแปลง in theirของพวกเขา behaviorพฤติกรรม.
22
54000
3000
และศึกษาความเปลี่ยนแปลงไปจากพฤติกรรมก่อนหน้า
01:12
This is what I spokeพูด about in the last TEDTED.
23
57000
2000
นั่นคือสิ่งที่ผมได้พูดไปใน TED ครั้งที่แล้ว
01:14
Todayในวันนี้ I'll talk about a differentต่าง approachเข้าใกล้,
24
59000
2000
วันนี้ ผมจะมาพูดถึงอีกวิธีหนึ่ง
01:16
whichที่ is to put electrodesขั้วไฟฟ้า in differentต่าง partsชิ้นส่วน of the brainสมอง,
25
61000
2000
ซึ่งจะเป็นการนำ เครื่องมืดวัดคลื่นไฟฟ้า วางไว้ที่ส่วนต่างๆของสมอง
01:18
and actuallyแท้จริง recordบันทึก the activityกิจกรรม of individualรายบุคคล nerveเส้นประสาท cellsเซลล์ in the brainสมอง.
26
63000
4000
และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของแต่ละเซลล์ประสาทในสมอง
01:22
Sortประเภท of eavesdropดักฟัง on the activityกิจกรรม of nerveเส้นประสาท cellsเซลล์ in the brainสมอง.
27
67000
4000
คล้ายๆกับการดักฟัง เจ้าเซลล์ทั้งหลายในสมองนั่นเอง
01:26
Now, one recentเมื่อเร็ว ๆ นี้ discoveryการค้นพบ that has been madeทำ
28
71000
3000
ล่าสุด ได้มีการค้นพบโดยนักวิจัย
01:29
by researchersนักวิจัย in Italyอิตาลี, in Parmaปาร์ม่า,
29
74000
2000
จากเมืองปาร์มา, อิตาลี
01:31
by GiacomoGiacomo RizzolattiRizzolatti and his colleaguesเพื่อนร่วมงาน,
30
76000
3000
นาม Giacomo Rizzolatti และเพื่อนร่วมทีมเขา
01:34
is a groupกลุ่ม of neuronsเซลล์ประสาท calledเรียกว่า mirrorกระจกเงา neuronsเซลล์ประสาท,
31
79000
2000
พบว่า มีกลุ่มของเซลล์ประสาท ที่ถูกตั้งชื่อว่า 'เซลล์ประสาทกระจกเงา'
01:36
whichที่ are on the frontด้านหน้า of the brainสมอง in the frontalหน้าผาก lobesแฉก.
32
81000
3000
ซึ่งรวมอยู่ส่วนหน้าของสมองสองซีก
01:39
Now, it turnsผลัดกัน out there are neuronsเซลล์ประสาท
33
84000
2000
ทีนี้ ก็ยังมีเซลล์ประสาทอีกแบบ
01:41
whichที่ are calledเรียกว่า ordinaryสามัญ motorเครื่องยนต์ commandคำสั่ง neuronsเซลล์ประสาท in the frontด้านหน้า of the brainสมอง,
34
86000
3000
เรียกว่า 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ควบคุมทั่วไป' ในส่วนหน้าของสมอง
01:44
whichที่ have been knownที่รู้จักกัน for over 50 yearsปี.
35
89000
2000
ที่เป็นที่รู้จักดีมากว่า 50 ปีมาแล้ว
01:46
These neuronsเซลล์ประสาท will fireไฟ when a personคน performsดำเนินการ a specificโดยเฉพาะ actionการกระทำ.
36
91000
3000
เซลล์ประสาทเหล่านี้จะทำงานเมื่อร่างกายเจ้าของกระทำกริยาบางอย่าง
01:49
For exampleตัวอย่าง, if I do that, and reachมาถึง and grabคว้า an appleแอปเปิ้ล,
37
94000
3000
เช่น เมื่อผมเอื้อมมือไปหยิบลูกแอปเปิล แบบนี้
01:52
a motorเครื่องยนต์ commandคำสั่ง neuronเซลล์ประสาท in the frontด้านหน้า of my brainสมอง will fireไฟ.
38
97000
4000
เจ้า 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ฯ' ก็จะทำงานทันที
01:56
If I reachมาถึง out and pullดึง an objectวัตถุ, anotherอื่น neuronเซลล์ประสาท will fireไฟ,
39
101000
3000
และถ้าผมเอืื้อมไปดึงของบางอย่าง เซลล์ประสาทอีกตัวก็จะทำงาน
01:59
commandingผู้บังคับบัญชา me to pullดึง that objectวัตถุ.
40
104000
2000
เพื่อสั่งให้ผมดึงของสิ่งนั้น
02:01
These are calledเรียกว่า motorเครื่องยนต์ commandคำสั่ง neuronsเซลล์ประสาท that have been knownที่รู้จักกัน for a long time.
41
106000
2000
ทั้งหมดนี้ถูกสั่งงานโดยกลุ่ม 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ฯ' ที่เป็นที่รู้จักมานานแล้วนั่นเอง
02:03
But what RizzolattiRizzolatti foundพบ was
42
108000
2000
แต่สิ่งที่ Rizzolatti พบ ก็คือ
02:05
a subsetเซตย่อย of these neuronsเซลล์ประสาท,
43
110000
2000
ประเภทย่อยของเจ้าเซลล์ประสาทเหล่านี้
02:07
maybe about 20 percentเปอร์เซ็นต์ of them, will alsoด้วย fireไฟ
44
112000
2000
ราวๆ 20% ของทั้งกลุ่มอาจทำงาน ขณะที่ผม
02:09
when I'm looking at somebodyบางคน elseอื่น performingการดำเนินการ the sameเหมือนกัน actionการกระทำ.
45
114000
3000
กำลังมองดูใครสักคนทำกริยาเดียวกัน
02:12
So, here is a neuronเซลล์ประสาท that firesไฟไหม้ when I reachมาถึง and grabคว้า something,
46
117000
3000
นี่คือเซลล์ประสาทที่ทำงานเวลาผมเอื้อมไปจับวัตถุบางอย่าง
02:15
but it alsoด้วย firesไฟไหม้ when I watch Joeโจ reachingถึง and grabbingโลภ something.
47
120000
3000
แต่มันก็จะทำงานเช่นกัน เมื่อผมมองคุณโจหรือใครสักคนทำกริยาเดียวกัน
02:18
And this is trulyอย่างแท้จริง astonishingน่าอัศจรรย์.
48
123000
2000
และนี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
02:20
Because it's as thoughแม้ this neuronเซลล์ประสาท is adoptingการนำ
49
125000
2000
เพราะว่ามันราวกับว่า เจ้าเซลล์ประสาทตัวนี้ได้
02:22
the other person'sบุคคล pointจุด of viewดู.
50
127000
2000
รับเอามุมมองผู้อื่นมาขบคิดเอง
02:24
It's almostเกือบจะ as thoughแม้ it's performingการดำเนินการ a virtualเสมือน realityความจริง simulationจำลอง
51
129000
4000
ราวกับว่ามันได้จำลอง โลกความจริงเสมือน
02:28
of the other person'sบุคคล actionการกระทำ.
52
133000
2000
ของการกระทำของผู้อื่นนั่นเอง
02:30
Now, what is the significanceความสำคัญ of these mirrorกระจกเงา neuronsเซลล์ประสาท?
53
135000
3000
แล้วเจ้า 'เซลล์ประสาทกระจกเงา' เหล่านี้มีความสำคัญอะไรบ้าง?
02:33
For one thing they mustต้อง be involvedที่เกี่ยวข้อง in things like imitationการเลียนแบบ and emulationการแข่งขัน.
54
138000
3000
อย่างหนึ่งก็คือ มันต้องมีความเกี่ยวข้องกับการเลียนแบบและลอกเลียนพฤติกรรม
02:36
Because to imitateเลียนแบบ a complexซับซ้อน actการกระทำ
55
141000
3000
เพราะว่าการเลียนแบบพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ซับซ้อน
02:39
requiresต้องมี my brainสมอง to adoptนำมาใช้ the other person'sบุคคล pointจุด of viewดู.
56
144000
3000
ที่ต้องการการรับเอาการมองโลกของผู้อื่นเข้ามา
02:42
So, this is importantสำคัญ for imitationการเลียนแบบ and emulationการแข่งขัน.
57
147000
2000
ฉะนั้นการเลียนแบบและลอกเลียนพฤติกรรมจึงมีความสำคัญ
02:44
Well, why is that importantสำคัญ?
58
149000
2000
แล้ว ทำไมถึงสำคัญ?
02:46
Well, let's take a look at the nextต่อไป slideสไลด์.
59
151000
3000
เรามาลองดูที่สไลด์ต่อไปนี้กัน
02:49
So, how do you do imitationการเลียนแบบ? Why is imitationการเลียนแบบ importantสำคัญ?
60
154000
3000
ถามว่า เราเลียนแบบได้อย่างไร? ทำไมมันถึงสำคัญ?
02:52
Mirrorกระจกเงา neuronsเซลล์ประสาท and imitationการเลียนแบบ, emulationการแข่งขัน.
61
157000
2000
"กลุ่มเซลล์ประสาทกระจกเงา, การเลียนแบบ, และการลอกเลียนพฤติกรรม"
02:54
Now, let's look at cultureวัฒนธรรม, the phenomenonปรากฏการณ์ of humanเป็นมนุษย์ cultureวัฒนธรรม.
62
159000
4000
เอาล่ะ ลองมาดูที่ วัฒนธรรม, ปรากฎการณ์ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมของมนุษย์กันบ้าง
02:58
If you go back in time about [75,000] to 100,000 yearsปี agoมาแล้ว,
63
163000
4000
หากเราย้อนเวลาไปราวๆ 75,000 ถึง 100,000 ปีที่แล้ว
03:02
let's look at humanเป็นมนุษย์ evolutionวิวัฒนาการ, it turnsผลัดกัน out
64
167000
2000
แล้วมองดูที่วิวัฒนาการของมนุษย์ เราจะพบว่า
03:04
that something very importantสำคัญ happenedที่เกิดขึ้น around 75,000 yearsปี agoมาแล้ว.
65
169000
3000
มีบางอย่างที่สำคัญมากเกิดขึ้นราว 75,000 ปีที่แล้ว
03:07
And that is, there is a suddenฉับพลัน emergenceภาวะฉุกเฉิน and rapidรวดเร็ว spreadกระจาย
66
172000
2000
และนั่นก็คือ การวิวัฒนาการและแผ่วงกว้างของ
03:09
of a numberจำนวน of skillsทักษะ that are uniqueเป็นเอกลักษณ์ to humanเป็นมนุษย์ beingsสิ่งมีชีวิต
67
174000
3000
จำนวนความทักษะใหม่ๆที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ยุคนั้น
03:12
like toolเครื่องมือ use,
68
177000
2000
เช่น การเริ่มใช้เครื่องทุ่นแรง
03:14
the use of fireไฟ, the use of sheltersที่พักอาศัย, and, of courseหลักสูตร, languageภาษา,
69
179000
3000
การใช้ประโยชน์จากไฟ, การรู้จักสร้างที่อยู่อาศัย, และ แน่นอนที่สุดคือ การใช้ภาษา
03:17
and the abilityความสามารถ to readอ่าน somebodyบางคน else'sอื่น mindใจ
70
182000
2000
และยังมี ความสามารถในการอ่านจิตใจผู้อื่น
03:19
and interpretตีความ that person'sบุคคล behaviorพฤติกรรม.
71
184000
2000
และการแปลภาษากายของคนผู้นั้น
03:21
All of that happenedที่เกิดขึ้น relativelyสัมพัทธ์ quicklyอย่างรวดเร็ว.
72
186000
2000
ทั้งหมดนี้ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
03:23
Even thoughแม้ the humanเป็นมนุษย์ brainสมอง had achievedประสบความสำเร็จ its presentนำเสนอ sizeขนาด
73
188000
3000
แม้ว่า สมองมนุษย์ได้มีขนาดเท่าเดิมตั้งแต่เวลานั้น
03:26
almostเกือบจะ threeสาม or fourสี่ hundredร้อย thousandพัน yearsปี agoมาแล้ว,
74
191000
2000
เกือบสามถึงสี่พันปีมาจวบจนปัจจุบัน
03:28
100,000 yearsปี agoมาแล้ว all of this happenedที่เกิดขึ้น very, very quicklyอย่างรวดเร็ว.
75
193000
2000
แสนปีก่อน สิ่งเหล่านี้วิวัฒนาการมาเร็วมากๆ
03:30
And I claimข้อเรียกร้อง that what happenedที่เกิดขึ้น was
76
195000
3000
และผมอยากบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานั้นก็คือ
03:33
the suddenฉับพลัน emergenceภาวะฉุกเฉิน of a sophisticatedซับซ้อน mirrorกระจกเงา neuronเซลล์ประสาท systemระบบ,
77
198000
3000
การพัฒนาก้าวกระโดดของระบบเซลล์ประสาทกระจกเงา
03:36
whichที่ allowedได้รับอนุญาต you to emulateเลียนแบบ and imitateเลียนแบบ other people'sของผู้คน actionsการปฏิบัติ.
78
201000
2000
ซึ่งได้ทำให้คุณสามารถเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆของผู้อื่นได้
03:38
So that when there was a suddenฉับพลัน accidentalโดยบังเอิญ discoveryการค้นพบ
79
203000
4000
เพื่อว่า เมื่อเกิดการค้นพบที่ไม่คาดคิด
03:42
by one memberสมาชิก of the groupกลุ่ม, say the use of fireไฟ,
80
207000
3000
โดยคนหนึ่งที่เป็นสมาชิกในกลุ่ม เช่น การใช้ประโยชน์จากไฟ
03:45
or a particularโดยเฉพาะ typeชนิด of toolเครื่องมือ, insteadแทน of dyingเฮือกสุดท้าย out,
81
210000
2000
หรือประเภทของเครื่องมือเฉพาะทางนั้น แทนที่จะถูกลืมเลือนไป
03:47
this spreadกระจาย rapidlyอย่างรวดเร็ว, horizontallyแนวนอน acrossข้าม the populationประชากร,
82
212000
3000
ก็ได้แผ่กว้างอย่างรวดเร็ว จนการเลียนแบบหรือความรู้นั้นๆทั่วถึงประชากรทั้งหมด
03:50
or was transmittedส่ง verticallyดิ่ง, down the generationsชั่วอายุคน.
83
215000
3000
หรือส่งผ่านไปยังทายาทรุ่นต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
03:53
So, this madeทำ evolutionวิวัฒนาการ suddenlyทันใดนั้น LamarckianLamarckian,
84
218000
2000
นี่เอง ที่ทำให้ทฤษฎีวิวัฒนาการ กลายเป็นแบบ Lamarck
03:55
insteadแทน of Darwinianดาร์วิน.
85
220000
2000
ไม่ใช่แบบ Darwin
03:57
Darwinianดาร์วิน evolutionวิวัฒนาการ is slowช้า; it takes hundredsหลายร้อย of thousandsพัน of yearsปี.
86
222000
3000
ทฤษฎีวิวัฒนาการแบบดาร์วินจะเป็นไปในแบบช้าๆ กินเวลาเป็นแสนๆปี
04:00
A polarแถบขั้วโลก bearหมี, to evolveคาย a coatเสื้อโค้ท,
87
225000
2000
หมีขั้วโลก กว่าจะได้เป็นขนขาวๆ
04:02
will take thousandsพัน of generationsชั่วอายุคน, maybe 100,000 yearsปี.
88
227000
3000
ต้องกินเวลาลูกหลานเป็นพันๆรุ่น บางที ก็อาจถึงแสนปี
04:05
A humanเป็นมนุษย์ beingกำลัง, a childเด็ก, can just watch its parentผู้ปกครอง
89
230000
3000
ในขณะที่ คนเรา เช่น เด็กคนหนึ่ง สามารถจะดูพ่อแม่ตน
04:08
killฆ่า anotherอื่น polarแถบขั้วโลก bearหมี,
90
233000
3000
ฆ่าหมีขั้วโลก
04:11
and skinผิว it and put the skinผิว on its bodyร่างกาย, furขน on the bodyร่างกาย,
91
236000
3000
และถลกหนังพร้อมขนมาเป็นเครื่องนุ่งห่มขึ้นมา
04:14
and learnเรียน it in one stepขั้นตอน. What the polarแถบขั้วโลก bearหมี
92
239000
2000
แล้วเด็กก็เรียนรู้ทั้งหมดในขั้นตอนเดียว
04:16
tookเอา 100,000 yearsปี to learnเรียน,
93
241000
2000
ขณะที่หมีขั้วโลกของดาร์วิน ใช้เวลาเป็นแสนปีเพื่อเรียนรู้
04:18
it can learnเรียน in fiveห้า minutesนาที, maybe 10 minutesนาที.
94
243000
3000
สมองของเจ้าเด็กสามารถทำได้ภายใน 5 หรือ 10 นาทีเท่านั้น
04:21
And then onceครั้งหนึ่ง it's learnedได้เรียนรู้ this it spreadsการแพร่กระจาย
95
246000
2000
และเมื่อมันได้เรียนรู้แล้ว ความรู้นี้ก็จะขยายกว้างออก
04:23
in geometricทางเรขาคณิต proportionสัดส่วน acrossข้าม a populationประชากร.
96
248000
3000
ไปตามสัดส่วนแบบเรขาคณิต ทั่วทุกพื้นที่
04:26
This is the basisรากฐาน. The imitationการเลียนแบบ of complexซับซ้อน skillsทักษะ
97
251000
3000
นี่เป็นรากฐานสำคัญ การเลียนแบบของทักษะที่ซับซ้อนต่างๆนั้น
04:29
is what we call cultureวัฒนธรรม and is the basisรากฐาน of civilizationอารยธรรม.
98
254000
3000
คือสิ่งที่เราเรียกว่า วัฒนธรรม และ รากฐานของอารยธรรม
04:32
Now there is anotherอื่น kindชนิด of mirrorกระจกเงา neuronเซลล์ประสาท,
99
257000
2000
ทีนี้ ก็มีเซลล์ประสาทกระจกเงาอีกแบบ
04:34
whichที่ is involvedที่เกี่ยวข้อง in something quiteทีเดียว differentต่าง.
100
259000
2000
ซึ่งเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่ต่างออกไป
04:36
And that is, there are mirrorกระจกเงา neuronsเซลล์ประสาท,
101
261000
2000
กล่าวคือ ในกลุ่มของเซลล์ประสาทกระจกฯ
04:38
just as there are mirrorกระจกเงา neuronsเซลล์ประสาท for actionการกระทำ, there are mirrorกระจกเงา neuronsเซลล์ประสาท for touchแตะ.
102
263000
3000
(เช่น นอกจากเซลล์ประสาทกระจกฯ สำหรับกริยาต่างๆแล้ว) ได้มีเซลล์ประสาทกระจกฯสำหรับการสัมผัส
04:41
In other wordsคำ, if somebodyบางคน touchesสัมผัส me,
103
266000
2000
พูดอีกแบบก็คือ หากมีคนมาแตะต้องมือผม
04:43
my handมือ, neuronเซลล์ประสาท in the somatosensorysomatosensory cortexเยื่อหุ้มสมอง
104
268000
2000
เซลล์ประสาทในบริเวณที่เป็นส่วนรับการสัมผัส
04:45
in the sensoryประสาทสัมผัส regionภูมิภาค of the brainสมอง firesไฟไหม้.
105
270000
2000
ในบริเวณประสาทรับความรู้สึกจะทำงานทันที
04:47
But the sameเหมือนกัน neuronเซลล์ประสาท, in some casesกรณี, will fireไฟ
106
272000
3000
แต่ เซลล์ประสาทเดียวกันนี้ ก็จะทำงานในกรณีอื่นๆบางกรณีเช่นกัน
04:50
when I simplyง่ายดาย watch anotherอื่น personคน beingกำลัง touchedสัมผัส.
107
275000
2000
ในเวลาที่ผมแค่เห็นคนอื่นถูกสัมผัส
04:52
So, it's empathizingempathizing the other personคน beingกำลัง touchedสัมผัส.
108
277000
3000
ดังนั้น มันสามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นที่ถูกสัมผัสได้
04:55
So, mostมากที่สุด of them will fireไฟ when I'm touchedสัมผัส
109
280000
2000
และเกือบทั้งกลุ่มเซลล์เหล่านั้น จะทำงานเมื่อผมถูกสัมผัส
04:57
in differentต่าง locationsสถานที่. Differentต่าง neuronsเซลล์ประสาท for differentต่าง locationsสถานที่.
110
282000
3000
ในตำแหน่งต่างๆกัน กลุ่มเซลล์ฯแต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบแต่ละตำแหน่งที่ถูกสัมผัส
05:00
But a subsetเซตย่อย of them will fireไฟ even when I watch somebodyบางคน elseอื่น
111
285000
2000
แต่เจ้ากลุ่มย่อยจะทำงานเช่นกันเมื่อผมเห็นคนอื่น
05:02
beingกำลัง touchedสัมผัส in the sameเหมือนกัน locationที่ตั้ง.
112
287000
2000
ถูกสัมผัสในตำแหน่งเดียวกัน
05:04
So, here again you have neuronsเซลล์ประสาท
113
289000
2000
และที่นี่เช่นเดียวกัน คุณก็เป็นเจ้าของเซลล์ฯเหล่านั้น
05:06
whichที่ are enrolledลงทะเบียนเรียน in empathyการเอาใจใส่.
114
291000
2000
ซึ่งได้มีถูกสร้างให้มีความเข้าในในผู้อื่นได้อย่างดี
05:08
Now, the questionคำถาม then arisesเกิดขึ้น: If I simplyง่ายดาย watch anotherอื่น personคน beingกำลัง touchedสัมผัส,
115
293000
3000
ทีนี้ คำถามก็คือ: หากผมเห็นคนหนึ่งได้รับการสัมผัส
05:11
why do I not get confusedสับสน and literallyอย่างแท้จริง feel that touchแตะ sensationความรู้สึก
116
296000
4000
ทำไมผมถึงไม่ฉงน และ รู้สึกถึงการสัมผัสนั้นอย่างแท้จริงได้เลย
05:15
merelyแค่ by watchingการเฝ้าดู somebodyบางคน beingกำลัง touchedสัมผัส?
117
300000
2000
ในการที่ ผมแค่การเห็นผู้อื่นถูกสัมผัส ?
05:17
I mean, I empathizeเอาใจใส่ with that personคน but I don't literallyอย่างแท้จริง feel the touchแตะ.
118
302000
4000
กล่าวคือ ผม'เข้าใจ'ความรู้สึกเขา แต่ไม่ได้'รู้สึก'ไปด้วยจริงๆ
05:21
Well, that's because you've got receptorsผู้รับ in your skinผิว,
119
306000
2000
นั่นก็เพราะว่าเรามีเซลล์รับความรู้สึกซ่อนอยู่ในชั้นผิวหนัง
05:23
touchแตะ and painความเจ็บปวด receptorsผู้รับ, going back into your brainสมอง
120
308000
2000
เซลล์รับรู้การสัมผัส และความเจ็บปวด แล้วก็ส่งข้อมูลความรู้สึกนั้นๆไปสู่สมอง
05:25
and sayingคำพูด "Don't worryกังวล, you're not beingกำลัง touchedสัมผัส.
121
310000
3000
และคล้ายๆกับสมองกระซิบบอกเราว่า "ไม่ต้องห่วง คุณไม่ได้ถูกสัมผัสจริงๆหรอก
05:28
So, empathizeเอาใจใส่, by all meansวิธี, with the other personคน,
122
313000
3000
ฉะนั้น แค่จงเข้าใจความรู้สึกทั้งหมดของผู้นั้น
05:31
but do not actuallyแท้จริง experienceประสบการณ์ the touchแตะ,
123
316000
2000
แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปร่วมรู้สึกด้วยนะ
05:33
otherwiseมิฉะนั้น you'llคุณจะ get confusedสับสน and muddledงง."
124
318000
2000
ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณจะเกิดความสับสนและวุ่นวายใจได้"
05:35
Okay, so there is a feedbackข้อเสนอแนะ signalสัญญาณ
125
320000
2000
นั่นบอกถึงว่า มีสัญญาณตอบรับ
05:37
that vetoesvetoes the signalสัญญาณ of the mirrorกระจกเงา neuronเซลล์ประสาท
126
322000
2000
ซึ่งห้ามสัญญาณจาก'นิวรอนกระจก' (หรือ เซลล์ประสาทกระจกเงา)
05:39
preventingการป้องกัน you from consciouslyมีสติ experiencingประสบ that touchแตะ.
127
324000
3000
ซึ่งป้องกันคุณจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผู้นั้นอย่างแท้จริง
05:42
But if you removeเอาออก the armแขน, you simplyง่ายดาย anesthetizeทำให้หมดความรู้สึก my armแขน,
128
327000
3000
แต่ถ้าคุณตัดแขนออก คุณจะทำให้แขนผมชาไปเลยอย่างง่ายดาย
05:45
so you put an injectionการฉีด into my armแขน,
129
330000
2000
คล้ายๆกับฉีดยาชาให้แขนผม
05:47
anesthetizeทำให้หมดความรู้สึก the brachialbrachial plexusช่องท้อง, so the armแขน is numbมึน,
130
332000
2000
ทำให้กลุ่มร่างแหประสาทแขนไร้ความรู้สึก แขนจึงชาด้านไป
05:49
and there is no sensationsความรู้สึก comingมา in,
131
334000
2000
และไม่มีข้อมูลความรู้สึกเข้ามา
05:51
if I now watch you beingกำลัง touchedสัมผัส,
132
336000
2000
และหากตอนนี้ผมเห็นคุณถูกสัมผัส
05:53
I literallyอย่างแท้จริง feel it in my handมือ.
133
338000
2000
ผมก็จะค่อยๆกลับมารู้สึกได้ที่มือของผม
05:55
In other wordsคำ, you have dissolvedละลาย the barrierอุปสรรค
134
340000
2000
พูดอีกอย่างคือ คุณได้ทำลายอุปสรรค
05:57
betweenระหว่าง you and other humanเป็นมนุษย์ beingsสิ่งมีชีวิต.
135
342000
2000
ระหว่างคุณและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันทุกคน
05:59
So, I call them Gandhiคานธี neuronsเซลล์ประสาท, or empathyการเอาใจใส่ neuronsเซลล์ประสาท.
136
344000
3000
ดังนั้นผมจึงเรียกมันว่า 'เซลล์ประสาทคานธี' หรือ 'เซลล์ประสาทแห่งการเข้าใจผู้อื่น'
06:02
(Laughterเสียงหัวเราะ)
137
347000
1000
((เสียงหัวเราะ))
06:03
And this is not in some abstractนามธรรม metaphoricalเชิงเปรียบเทียบ senseความรู้สึก.
138
348000
3000
และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอุปมาอุปมัยที่จับต้องไม่ได้
06:06
All that's separatingการพลัดพราก you from him,
139
351000
2000
สิ่งที่ขวางกั้นระหว่าง 'คุณ' กับ 'เขา'
06:08
from the other personคน, is your skinผิว.
140
353000
2000
ก็คือ ผิวหนังหรือร่างกาย คุณเองเท่านั้น
06:10
Removeเอาออก the skinผิว, you experienceประสบการณ์ that person'sบุคคล touchแตะ in your mindใจ.
141
355000
4000
ลองทำเป็นไม่มีร่างกายขวางกั้นดู คุณจะรับรู้ถึงสัมผัสที่ได้จากคนนั้น ภายในจิตใจคุณเอง
06:14
You've dissolvedละลาย the barrierอุปสรรค betweenระหว่าง you and other humanเป็นมนุษย์ beingsสิ่งมีชีวิต.
142
359000
3000
คุณ ได้ทำลายกำแพง ที่กั้นระหว่าง 'คุณ' และ 'เพื่อนมนุษย์' ด้วยกันลงในที่สุด
06:17
And this, of courseหลักสูตร, is the basisรากฐาน of much of Easternทางตะวันออก philosophyปรัชญา,
143
362000
2000
และแน่นอนว่า สิ่งนี่เองที่เป็นรากฐานสำคัญของปรัชญาตะวันออก
06:19
and that is there is no realจริง independentอิสระ selfตนเอง,
144
364000
3000
คือ ไม่มีสิ่งได้คงอยู่ได้ด้วยตัวมันเองสิ่งเดียว
06:22
aloofห่าง from other humanเป็นมนุษย์ beingsสิ่งมีชีวิต, inspectingการตรวจสอบ the worldโลก,
145
367000
2000
ที่ปลีกตัวจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อการสำรวจโลก
06:24
inspectingการตรวจสอบ other people.
146
369000
2000
สำรวจผู้อื่น
06:26
You are, in factความจริง, connectedเกี่ยวข้อง not just viaผ่านทาง FacebookFacebook and Internetอินเทอร์เน็ต,
147
371000
3000
ความจริงแล้ว คุณไม่ได้เชื่อมต่อกันทาง เฟสบุค และ อิเตอร์เนต เท่านั้น
06:29
you're actuallyแท้จริง quiteทีเดียว literallyอย่างแท้จริง connectedเกี่ยวข้อง by your neuronsเซลล์ประสาท.
148
374000
3000
คุณยังเชื่อมต่อกันผ่านสายใยนิวรอนของคุณเองกับเพื่อนมนุษย์ด้วย
06:32
And there is wholeทั้งหมด chainsห่วงโซ่ of neuronsเซลล์ประสาท around this roomห้อง, talkingการพูด to eachแต่ละ other.
149
377000
3000
และที่แห่งนี้ก็ มีสายใยของนิวรอนนั้นเชื่อมถึง, สื่อสารกันอยู่ทั่วทั้งห้อง
06:35
And there is no realจริง distinctivenessความพิเศษ
150
380000
2000
และจิตสำนึกของคุณก็ไม่ได้แยกออกต่างหากจาก
06:37
of your consciousnessสติ from somebodyบางคน else'sอื่น consciousnessสติ.
151
382000
2000
จิตสำนึกของผู้อื่นแม้แต่น้อย
06:39
And this is not mumbo-jumbomumbo จัมโบ้ philosophyปรัชญา.
152
384000
2000
และมันไม่ใช่ปรัชญาที่ไร้ความหมายแต่อย่างใด
06:41
It emergesโผล่ออกมา from our understandingความเข้าใจ of basicขั้นพื้นฐาน neuroscienceประสาท.
153
386000
3000
มันเกิดมาจากความเข้าใจที่เรามีใน'ประสาทวิทยาศาสตร์' ขั้นพื้นฐาน
06:44
So, you have a patientผู้ป่วย with a phantomผี limbกิ่ง. If the armแขน has been removedลบออก
154
389000
3000
ทีนี้ คุณมีคนไข้ที่ไร้แขนหรือขา ที่เขายังรู้สึกว่าแขนขาเขายังอยู่ และหากคุณไร้แขน
06:47
and you have a phantomผี, and you watch somebodyบางคน elseอื่น
155
392000
2000
แต่คุณยังรู้สึกได้ว่ามันยังอยู่ เวลาคุณเห็นแขนผู้อื่นถูกจับ
06:49
beingกำลัง touchedสัมผัส, you feel it in your phantomผี.
156
394000
2000
คุณจะรู้สึกได้ที่ 'แขนล่องหน' ของคุณเอง
06:51
Now the astonishingน่าอัศจรรย์ thing is,
157
396000
2000
แต่สิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ
06:53
if you have painความเจ็บปวด in your phantomผี limbกิ่ง, you squeezeบีบ the other person'sบุคคล handมือ,
158
398000
3000
หากคุณรู้สึกปวดที่แขนล่องหนของคุณ และคุณใช้มือที่เหลือบีบหรือ
06:56
massageนวด the other person'sบุคคล handมือ,
159
401000
2000
นวดมือผู้อื่น
06:58
that relievesบรรเทา the painความเจ็บปวด in your phantomผี handมือ,
160
403000
2000
นั่นจะช่วยคลายปวดให้กับแขนล่องหนคุณเองไปด้วย
07:00
almostเกือบจะ as thoughแม้ the neuronเซลล์ประสาท
161
405000
2000
ราวกับว่าเจ้านิวรอน (หรือ เซลล์ประสาท)
07:02
were obtainingการได้รับ reliefความโล่งอก from merelyแค่
162
407000
2000
สามารถเอาความผ่อนคลายเข้ามาได้เพียงแต่มัน
07:04
watchingการเฝ้าดู somebodyบางคน elseอื่น beingกำลัง massagedนวด.
163
409000
2000
ได้เห็นผู้อื่นถูกนวด และผ่อนคลายนั่นเอง
07:06
So, here you have my last slideสไลด์.
164
411000
3000
และนี่คือสไลด์สุดท้ายของผม
07:09
For the longestยาวที่สุด time people have regardedได้รับการยกย่อง scienceวิทยาศาสตร์
165
414000
2000
นานมาแล้ว พวกเราได้แบ่งแยกวิทยาศาสตร์
07:11
and humanitiesมนุษยศาสตร์ as beingกำลัง distinctแตกต่าง.
166
416000
2000
ออกจากมนุษยชาติ ไว้อย่างชัดเจน
07:13
C.P. Snowหิมะ spokeพูด of the two culturesวัฒนธรรม:
167
418000
3000
คุณ C.P. Snow ได้พูดเกี่ยวกับสองสิ่งไว้ว่า:
07:16
scienceวิทยาศาสตร์ on the one handมือ, humanitiesมนุษยศาสตร์ on the other;
168
421000
2000
'วิทยาศาสตร์ก็เรื่องหนึ่ง มนุษยชาติก็อีกเรื่องหนึ่ง
07:18
never the twainทั้งสอง shallจะต้อง meetพบกัน.
169
423000
2000
ไม่สามารถมาร่วมเดินด้วยกันได้'
07:20
So, I'm sayingคำพูด the mirrorกระจกเงา neuronเซลล์ประสาท systemระบบ underliesunderlies the interfaceอินเตอร์เฟซ
170
425000
2000
แต่ที่ผมอยากบอกก็คือ ระบบของนิวรอนกระจก นั้นได้เป็นตัวเชื่อมระหว่างสองสิ่ง
07:22
allowingการอนุญาต you to rethinkคิดใหม่ about issuesปัญหา like consciousnessสติ,
171
427000
3000
ซึ่งทำให้คุณต้องมาขบคิดอีกครั้ง เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เช่น จิตสำนึก,
07:25
representationการแสดง of selfตนเอง,
172
430000
2000
การแสดงออกถึงการคงอยู่ของปัจเจก,
07:27
what separatesแยก you from other humanเป็นมนุษย์ beingsสิ่งมีชีวิต,
173
432000
2000
สิ่งที่กั้นคุณออกจากเพื่อนมนุษย์คนอื่น,
07:29
what allowsช่วยให้ you to empathizeเอาใจใส่ with other humanเป็นมนุษย์ beingsสิ่งมีชีวิต,
174
434000
2000
สิ่งที่ทำให้คุณรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น,
07:31
and alsoด้วย even things like the emergenceภาวะฉุกเฉิน of cultureวัฒนธรรม and civilizationอารยธรรม,
175
436000
3000
ไปจนถึงเรื่องอื่น เช่น การวิวัฒน์มาของวัฒนธรรมและอารยธรรม
07:34
whichที่ is uniqueเป็นเอกลักษณ์ to humanเป็นมนุษย์ beingsสิ่งมีชีวิต. Thank you.
176
439000
2000
ที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งมนุษยชาติ ขอบคุณครับ
07:36
(Applauseการปรบมือ)
177
441000
2000
(((เสียงปรบมือ))

▲Back to top

ABOUT THE SPEAKER
Vilayanur Ramachandran - Brain expert
Neurologist V.S. Ramachandran looks deep into the brain’s most basic mechanisms. By working with those who have very specific mental disabilities caused by brain injury or stroke, he can map functions of the mind to physical structures of the brain.

Why you should listen

V.S. Ramachandran is a mesmerizing speaker, able to concretely and simply describe the most complicated inner workings of the brain. His investigations into phantom limb pain, synesthesia and other brain disorders allow him to explore (and begin to answer) the most basic philosophical questions about the nature of self and human consciousness.

Ramachandran is the director of the Center for Brain and Cognition at the University of California, San Diego, and an adjunct professor at the Salk Institute. He is the author of Phantoms in the Brain (the basis for a Nova special), A Brief Tour of Human Consciousness and The Man with the Phantom Twin: Adventures in the Neuroscience of the Human Brain.

More profile about the speaker
Vilayanur Ramachandran | Speaker | TED.com