ABOUT THE SPEAKER
Daniel Goleman - Psychologist
Daniel Goleman, psychologist and award-winning author of Emotional Intelligence and other books on EI, challenges traditional measures of intelligence as a predictor of life success.

Why you should listen

Daniel Goleman brought the notion of "EI" to prominence as an alternative to more traditional measures of IQ with his 1995 mega-best-seller Emotional Intelligence.

Since the publication of that book, conferences and academic institutes have sprung up dedicated to the idea. EI is taught in public schools, and corporate leaders have adopted it as a new way of thinking about success and leadership. EI, and one's "EIQ," can be an explanation of why some "average" people are incredibly successful, while "geniuses" sometimes fail to live up to their promise.

More profile about the speaker
Daniel Goleman | Speaker | TED.com
TED2007

Daniel Goleman: Why aren't we more compassionate?

เดเนียล โกล์แมน (Daniel Goleman) ถกประเด็นเรื่อง ความกรุณาปราณี

Filmed:
2,222,780 views

เดเนียล โกล์แมน (Daniel Goleman) เจ้าของงานเขียน "ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)" ตั้งคำถามว่าทำไมเราจึงไม่แสดงความกรุณาปราณีต่อผู้อื่นมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ในแทบทุกๆโอกาส
- Psychologist
Daniel Goleman, psychologist and award-winning author of Emotional Intelligence and other books on EI, challenges traditional measures of intelligence as a predictor of life success. Full bio

Double-click the English transcript below to play the video.

00:13
You know, I'm struckหลง by how one of the implicitโดยปริยาย themesธีม of TEDTED
0
1000
4000
คุณรู้ไหมครับ ผมรู้สึกแปลกใจเหมือนกันนะว่าไปไงมาไง ประเด็นหนึ่งที่เป็นประเด็นไปโดยปริยายของ TED
00:17
is compassionความเห็นอกเห็นใจ, these very movingการเคลื่อนย้าย demonstrationsการสาธิต we'veเราได้ just seenเห็น:
1
5000
3000
คือประเด็นเรื่อง ความกรุณาปราณี ตัวอย่างสาธิตที่กระตุ้นใจตามเราเพิ่งได้เห็นเหล่านี้
00:21
HIVเอชไอวี in Africaแอฟริกา, Presidentประธาน Clintonคลินตัน last night.
2
9000
4000
เชื้อเอชไอวี (HIV) ในอัฟริกา ประธานาธิบดีคลินตันเมื่อคืน
00:25
And I'd like to do a little collateralประกอบ thinkingคิด, if you will,
3
13000
5000
และผมอยากจะพูดอะไรที่สอดคล้องกัน ถ้าคุณจะกรุณา
00:30
about compassionความเห็นอกเห็นใจ and bringนำมาซึ่ง it from the globalทั่วโลก levelชั้น to the personalส่วนบุคคล.
4
18000
5000
เกี่ยวกับเรื่องความกรุณาปราณี และดึงจากระดับสากลมาสู่ระดับบุคคล
00:35
I'm a psychologistนักจิตวิทยา, but restส่วนที่เหลือ assuredมั่นใจ,
5
23000
2000
ผมเป็นนักจิตวิทยา แต่กรุณามั่นใจเลยว่า
00:37
I will not bringนำมาซึ่ง it to the scrotalscrotal.
6
25000
1000
ผมจะไม่พูดเรื่องใต้สะดือ
00:39
(Laughterเสียงหัวเราะ)
7
27000
4000
(เสียงหัวเราะ)
00:44
There was a very importantสำคัญ studyศึกษา doneเสร็จแล้ว a while agoมาแล้ว
8
32000
2000
เมื่อไม่นานมานี้ มีงานวิจัยชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่ง
00:46
at Princetonพรินซ์ตัน Theologicalเกี่ยวกับศาสนศาสตร์ Seminaryวิทยาลัย that speaksพูด to why it is
9
34000
4000
ที่โรงเรียนศาสนาแห่งเมือง Princeton ที่ตั้งคำถามขึ้นมาว่า เพราะเหตุใด
00:51
that when all of us have so manyจำนวนมาก opportunitiesโอกาส to help,
10
39000
3000
หลายๆครั้งที่เรามีโอกาสช่วยเหลือผู้อื่น
00:54
we do sometimesบางครั้ง, and we don't other timesครั้ง.
11
42000
3000
บางครั้ง เราก็ช่วย แต่บางครั้ง เรากลับไม่ช่วย
00:58
A groupกลุ่ม of divinityเทพบุตร studentsนักเรียน at the Princetonพรินซ์ตัน Theologicalเกี่ยวกับศาสนศาสตร์ Seminaryวิทยาลัย
12
46000
3000
กลุ่มนักศึกษาศาสนศาสตร์ที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งเมือง Princeton
01:02
were told that they were going to give a practiceการปฏิบัติ sermonเทศน์
13
50000
4000
ได้รับแจ้งว่า พวกเขาจะได้รับการฝึกการเทศนา
01:06
and they were eachแต่ละ givenรับ a sermonเทศน์ topicหัวข้อเรื่อง.
14
54000
3000
และแต่ละคนได้รับหัวข้อการเทศนาคนละหนึ่งหัวข้อ
01:09
Halfครึ่ง of those studentsนักเรียน were givenรับ, as a topicหัวข้อเรื่อง,
15
57000
3000
ครึ่งหนึ่งได้รับหัวข้อ
01:12
the parableนิยายเปรียบเทียบ of the Good Samaritanภาษาซะแมเรีย:
16
60000
2000
นิทานสอนใจเรื่องผู้ใจบุญ
01:14
the man who stoppedหยุด the strangerคนแปลกหน้า in --
17
62000
2000
ผู้ที่หยุดดูคนแปลกหน้าข้างถนน
01:17
to help the strangerคนแปลกหน้า in need by the sideด้าน of the roadถนน.
18
65000
2000
เพื่อจะช่วยเหลือเขา
01:19
Halfครึ่ง were givenรับ randomสุ่ม Bibleคัมภีร์ไบเบิล topicsหัวข้อ.
19
67000
3000
อีกครึ่งหนึ่งได้รับหัวข้ออย่างสุ่มๆจากในไบเบิล
01:22
Then one by one, they were told they had to go to anotherอื่น buildingอาคาร
20
70000
3000
จากนั้น พวกเขาได้รับแจ้งว่า จะต้องไปที่อีกอาคารหนึ่งทีละคนๆ
01:26
and give theirของพวกเขา sermonเทศน์.
21
74000
1000
เพื่อเทศนา
01:27
As they wentไป from the first buildingอาคาร to the secondที่สอง,
22
75000
3000
เมื่อเขาเดินจากอาคารแรกไปอาคารที่สอง
01:30
eachแต่ละ of them passedผ่าน a man who was bentก้ม over and moaningเสียงสวด,
23
78000
3000
แต่ละคนจะผ่านคนๆหนึ่งที่นอนคุดคู้และร้องคราญขอความช่วยเหลือ
01:34
clearlyอย่างเห็นได้ชัด in need. The questionคำถาม is: Did they stop to help?
24
82000
4000
ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าต้องการความช่วยเหลือจริงๆ แต่คำถามคือ พวกเขาหยุดช่วยหรือไม่
01:38
The more interestingน่าสนใจ questionคำถาม is:
25
86000
1000
คำถามที่น่าสนใจกว่านั้นคือ
01:40
Did it matterเรื่อง they were contemplatingใคร่ครวญ the parableนิยายเปรียบเทียบ
26
88000
3000
เกี่ยวกันไหมกับที่พวกเขากำลังครุ่นคิดพิจารณาถึงนิทานสอนใจ
01:43
of the Good Samaritanภาษาซะแมเรีย? Answerตอบ: No, not at all.
27
91000
4000
เรื่องผู้ใจบุญ คำตอบก็คือ ไม่ ไม่เลยแม้แต่น้อย
01:48
What turnedหัน out to determineกำหนด whetherว่า someoneบางคน would stop
28
96000
3000
สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะกำหนดว่า คนเราจะหยุด
01:51
and help a strangerคนแปลกหน้า in need
29
99000
1000
และช่วยคนแปลกหน้าที่ต้องการความช่วยหรือไม่นั้น
01:52
was how much of a hurryรีบเร่ง they thought they were in --
30
100000
3000
คือ การที่เขาคิดว่าเขารีบแค่ไหนต่างหาก
01:56
were they feelingความรู้สึก they were lateสาย, or were they absorbedที่หมกมุ่น
31
104000
4000
ว่าเขารู้สึกว่าเขากำลังจะไปสายอยู่หรือเปล่า หรือว่าเขาจดจ่อ
02:00
in what they were going to talk about.
32
108000
1000
แต่กับสิ่งที่เขากำลังจะไปบรรยายอยู่หรือไม่
02:02
And this is, I think, the predicamentสถานการณ์ of our livesชีวิต:
33
110000
2000
และผมคิดว่านี่เป็นสภาพเลวร้ายของชีวิตเรา
02:05
that we don't take everyทุกๆ opportunityโอกาส to help
34
113000
4000
ที่เราไม่ช่วยเหลือผู้อื่นในทุกๆครั้งที่เรามีโอกาส
02:09
because our focusโฟกัส is in the wrongไม่ถูกต้อง directionทิศทาง.
35
117000
3000
เพราะเราพุ่งความสนใจของเราไปอีกทางหนึ่ง
02:12
There's a newใหม่ fieldสนาม in brainสมอง scienceวิทยาศาสตร์, socialสังคม neuroscienceประสาท.
36
120000
3000
มีวิทยาศาสตร์ทางสมองแขนงใหม่ คือ ประสาทวิทยาศาสตร์เชิงสังคม
02:16
This studiesการศึกษา the circuitryวงจร in two people'sของผู้คน brainsสมอง
37
124000
4000
เป็นการศึกษาระบบสมองของคนสองคน
02:20
that activatesเปิดใช้งาน while they interactปฏิสัมพันธ์.
38
128000
2000
ที่เกิดการกระตุ้นเมื่อพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กัน
02:22
And the newใหม่ thinkingคิด about compassionความเห็นอกเห็นใจ from socialสังคม neuroscienceประสาท
39
130000
4000
และแนวคิดใหม่เกี่ยวกับความกรุณาปราณีจากแขนงวิชานี้
02:26
is that our defaultค่าเริ่มต้น wiringการเดินสายไฟ is to help.
40
134000
4000
คือ เรามีธรรมชาติที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
02:30
That is to say, if we attendเข้าประชุม to the other personคน,
41
138000
4000
นั่นคือ เมื่อเราอยู่กับผู้อื่น
02:35
we automaticallyอัตโนมัติ empathizeเอาใจใส่, we automaticallyอัตโนมัติ feel with them.
42
143000
3000
เราจะเข้าอกเข้าใจเขาไปโดยอัตโนมัติ เราจะรู้สึกร่วมไปกับพวกเขาได้โดยอัตโนมัติ
02:39
There are these newlyใหม่ identifiedระบุ neuronsเซลล์ประสาท, mirrorกระจกเงา neuronsเซลล์ประสาท,
43
147000
2000
มีเซลล์ประสาทที่เพิ่งจะมีการค้นพบใหม่ เรียกว่า เซลล์กระจกเงา (mirror neuron)
02:41
that actการกระทำ like a neuroระบบประสาท Wi-FiWi-Fi, activatingการเปิดใช้งาน in our brainสมอง
44
149000
4000
ทำหน้าที่เหมือนการส่งสัญญาณในระบบประสาท กระตุ้นสมองของเรา
02:45
exactlyอย่างแน่นอน the areasพื้นที่ activatedเปิดใช้งาน in theirsของพวกเขา. We feel "with" automaticallyอัตโนมัติ.
45
153000
4000
ในส่วนเดียวกันกับเซลล์ของคนอื่น เราจึงรู้สึกร่วมโดยอัตโนมัติ
02:49
And if that personคน is in need, if that personคน is sufferingความทุกข์ทรมาน,
46
157000
4000
และถ้าหากคนๆนั้นต้องการความช่วย หรือกำลังทุกข์ทรมาน
02:54
we're automaticallyอัตโนมัติ preparedเตรียมพร้อม to help. At leastน้อยที่สุด that's the argumentการโต้เถียง.
47
162000
4000
เราจะถูกเตรียมพร้อมอย่างอัตโนมัติที่จะช่วยเหลือ อย่างน้อยนี่ก็เป็นข้อโต้แย้ง
02:58
But then the questionคำถาม is: Why don't we?
48
166000
3000
แต่แล้ว ก็มีคำถามว่า ทำไมเราจึงไม่ช่วย
03:01
And I think this speaksพูด to a spectrumคลื่นความถี่
49
169000
2000
และผมคิดว่านี่บอกอะไรหลายอย่าง
03:04
that goesไป from completeสมบูรณ์ self-absorptionดูดซึมด้วยตนเอง,
50
172000
2000
ตั้งแต่ การจดจ่อในตนเองอย่างสมบูรณ์
03:07
to noticingสังเกตเห็น, to empathyการเอาใจใส่ and to compassionความเห็นอกเห็นใจ.
51
175000
2000
ไปถึงการสังเกต การเอาใจเขามาใส่ใจเรา และไปจนถึงความกรุณาปราณี
03:09
And the simpleง่าย factความจริง is, if we are focusedที่มุ่งเน้น on ourselvesตัวเรา,
52
177000
4000
และด้วยความจริงง่ายๆที่ว่า หากเราสนใจในตนเองอยู่
03:14
if we're preoccupiedหมกมุ่น, as we so oftenบ่อยครั้ง are throughoutตลอด the day,
53
182000
3000
หากเราจดจ่อกับอะไรอยู่ อย่างที่เรามักเป็นแบบนั้นตลอดทั้งวัน
03:17
we don't really fullyอย่างเต็มที่ noticeแจ้งให้ทราบ the other.
54
185000
3000
เราก็จะไม่สังเกตเห็นผู้อื่นได้อย่างเต็มที่จริงจัง
03:20
And this differenceข้อแตกต่าง betweenระหว่าง the selfตนเอง and the other focusโฟกัส
55
188000
2000
และความแตกต่างระหว่างความสนใจในตนเองและความสนใจอื่นๆ
03:22
can be very subtleบอบบาง.
56
190000
1000
เป็นอะไรที่เข้าใจยาก
03:23
I was doing my taxesภาษี the other day, and I got to the pointจุด
57
191000
4000
วันหนึ่ง ผมกำลังจัดการเกี่ยวภาษีอยู่และผมได้ไปถึง
03:27
where I was listingรายชื่อ all of the donationsบริจาค I gaveให้,
58
195000
2000
ส่วนที่ผมต้องลงรายการการบริจาคทั้งหมด
03:30
and I had an epiphanyศักดิ์สิทธิ์, it was -- I cameมา to my checkตรวจสอบ
59
198000
3000
และผมรู้สึกมีความสุขมาก ตอนนั้นผมกลับไปดูเช็ค
03:33
to the SevaSeva Foundationมูลนิธิ and I noticedสังเกตเห็น that I thought,
60
201000
3000
ที่ส่งไปที่ Seva Foundation และผมพบว่าผมกำลังคิดอยู่ว่า
03:36
boyเด็กผู้ชาย, my friendเพื่อน Larryแลร์รี่ Brilliantสุกใส would really be happyมีความสุข
61
204000
2000
เอ้อ จริงด้วย!! ลาร์รี่ บริลเลียนท์ (Larry Brilliant) เพื่อนของผมจะต้องดีใจมากแน่ๆ
03:39
that I gaveให้ moneyเงิน to SevaSeva.
62
207000
1000
ที่ผมบริจาคเงินให้ Seva
03:40
Then I realizedตระหนัก that what I was gettingได้รับ from givingให้
63
208000
3000
ต่อมา ผมจึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่ผมได้จากการให้นั้น
03:43
was a narcissisticซึ่งบูชาตัวเอง hitตี -- that I feltรู้สึกว่า good about myselfตนเอง.
64
211000
4000
มันเป็นผลเชิงหลงตนเอง นั่นคือผมรู้สึกดีต่อตัวผมเอง
03:47
Then I startedเริ่มต้น to think about the people in the Himalayasเทือกภูเขาหิมาลัย
65
215000
5000
จากนั้น ผมเริ่มคิดเกี่ยวกับคนบนเทือกเขาหิมาลัย
03:52
whoseใคร cataractsต้อกระจก would be helpedช่วย, and I realizedตระหนัก
66
220000
2000
ซึ่งพวกเขาจะได้รับการรักษาต้อกระจก และผมจึงตระหนักว่า
03:55
that I wentไป from this kindชนิด of narcissisticซึ่งบูชาตัวเอง self-focusตนเองโฟกัส
67
223000
3000
ผมได้ออกจากความรู้สึกหลงตน
03:59
to altruisticซึ่งเห็นแก่ผู้อื่น joyความปิติยินดี, to feelingความรู้สึก good
68
227000
3000
ไปสู่ความปิติจากการช่วยเหลือ ไปสู่ความรู้สึกดี
04:02
for the people that were beingกำลัง helpedช่วย. I think that's a motivatorแรงผลักดัน.
69
230000
4000
ต่อคนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ผมคิดว่านั่นแหละที่เป็นแรงบันดาล
04:06
But this distinctionความแตกต่าง betweenระหว่าง focusingสำรวม on ourselvesตัวเรา
70
234000
3000
แต่ความแตกต่างระหว่างการสนใจตนเอง
04:09
and focusingสำรวม on othersคนอื่น ๆ
71
237000
1000
กับผู้อื่นนั้น
04:10
is one that I encourageส่งเสริม us all to payจ่ายเงิน attentionความสนใจ to.
72
238000
3000
คือสิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนใส่ใจ
04:13
You can see it at a grossทั้งหมด levelชั้น in the worldโลก of datingการนัดหมาย.
73
241000
3000
คุณๆจะเห็นมันในง่ายๆในของโลกของการเดท
04:17
I was at a sushiซูชิ restaurantร้านอาหาร a while back
74
245000
3000
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมนั่งอยู่ในร้านซูชิ
04:20
and I overheardได้ยิน two womenผู้หญิง talkingการพูด about the brotherพี่ชาย of one womanหญิง,
75
248000
3000
และผมเผอิญได้ยินผู้หญิงสองคนพูดถึงน้องชาย(หรือพี่ชาย)ของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
04:24
who was in the singlesซิงเกิ้ล sceneฉาก. And this womanหญิง saysกล่าวว่า,
76
252000
3000
ที่เป็นโสดอยู่ และผู้หญิงคนนั้นพูดว่า
04:27
"My brotherพี่ชาย is havingมี troubleปัญหา gettingได้รับ datesวันที่,
77
255000
2000
"น้องชายเรามีปัญหาในการหาคู่เดท
04:29
so he's tryingพยายาม speedความเร็ว datingการนัดหมาย." I don't know if you know speedความเร็ว datingการนัดหมาย?
78
257000
2000
เขาเลยลองการเดทด่วน" ผมไม่รู้ว่าคุณรู้จักการเดทด่วนไหม
04:31
Womenผู้หญิง sitนั่ง at tablesตาราง and menผู้ชาย go from tableตาราง to tableตาราง,
79
259000
4000
ผู้หญิงนั่งประจำโต๊ะ ส่วนผู้ชายย้ายโต๊ะไปเรื่อยๆ
04:35
and there's a clockนาฬิกา and a bellกระดิ่ง, and at fiveห้า minutesนาที, bingoการเล่นชนิดหนึ่ง,
80
263000
3000
จะมีนาฬิกาและระฆัง และเมื่อครบห้านาที บิงโก
04:39
the conversationการสนทนา endsปลาย and the womanหญิง can decideตัดสิน
81
267000
2000
จบการสนทนา และผู้หญิงจะตัดสินว่า
04:41
whetherว่า to give her cardบัตร or her emailอีเมล addressที่อยู่ to the man
82
269000
4000
จะให้นามบัตรหรืออีเมลล์แก่ผู้ชายหรือไม่
04:45
for followปฏิบัติตาม up. And this womanหญิง saysกล่าวว่า,
83
273000
2000
เพื่อติดต่อกันภายหลัง และผู้หญิงคนนั้นบอกว่า
04:47
"My brother'sพี่ชายของ never gottenอากาศ a cardบัตร, and I know exactlyอย่างแน่นอน why.
84
275000
4000
"น้องเราไม่เคยได้นามบัตรเลย และเรารู้แหละว่าทำไม
04:51
The momentขณะ he sitsนั่งอยู่ down, he startsเริ่มต้น talkingการพูด non-stopไม่หยุด about himselfตัวเขาเอง;
85
279000
5000
คือตอนที่น้องเรานั่ง น้องเราไม่หยุดพูดเกี่ยวกับตัวเองเลย
04:56
he never asksถาม about the womanหญิง."
86
284000
1000
น้องเราไม่เคยถามอะไรผู้หญิงเลย
04:58
And I was doing some researchการวิจัย in the Sundayวันอาทิตย์ Stylesรูปแบบ sectionมาตรา
87
286000
5000
และตอนที่ผมกำลังหาข้อมูลในคอลัมน์หมวด Sunday Styles
05:03
of The Newใหม่ Yorkนิวยอร์ก Timesไทม์ส, looking at the back storiesเรื่องราว of marriagesการแต่งงาน --
88
291000
3000
ของหนังสือพิมพ์ New York Times หาดูเรื่องราวเบื้องหลังการแต่งงาน
05:06
because they're very interestingน่าสนใจ -- and I cameมา to the marriageการแต่งงาน
89
294000
3000
เพราะน่าสนใจมากๆ และผมได้พบกับเรื่องราวการแต่งงานของ
05:09
of Aliceอลิซ CharneyCharney EpsteinEpstein. And she said
90
297000
3000
อลีซ ชาร์นี เอ็บสไตน์ (Alice Charney Epstein) ซึ่งเธอบอกว่า
05:12
that when she was in the datingการนัดหมาย sceneฉาก,
91
300000
2000
เมื่อเธออยู่ในช่วงเดท
05:15
she had a simpleง่าย testทดสอบ she put people to.
92
303000
2000
เธอมีวิธีทดสอบง่ายๆ
05:18
The testทดสอบ was: from the momentขณะ they got togetherด้วยกัน,
93
306000
2000
บททดสอบคือ ตั้งแต่ที่ได้พบได้รู้จักกัน
05:20
how long it would take the guy to askถาม her a questionคำถาม
94
308000
3000
นานแค่ไหนกว่าที่ชายหนุ่มก็เริ่มถามเธอ
05:23
with the wordคำ "you" in it.
95
311000
2000
ด้วยคำถามที่มีคำว่า "คุณ" อยู่ในนั้น
05:25
And apparentlyเด่นชัด EpsteinEpstein acedAced the testทดสอบ, thereforeดังนั้น the articleบทความ.
96
313000
4000
และดูเหมือนว่าเธอประสบความสำเร็จกับการใช้แบบทดสอบนี้ แล้วก็เลยได้กลายเป็นบทความนั้นไงครับ
05:29
(Laughterเสียงหัวเราะ)
97
317000
1000
(เสียงหัวเราะ)
05:30
Now this is a -- it's a little testทดสอบ
98
318000
2000
ตอนนี้เรามาดูแบบทดสอบชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งกันดีกว่า
05:32
I encourageส่งเสริม you to try out at a partyพรรค.
99
320000
2000
ผมอยากให้คุณทดลองใช้ในงานปาร์ตี้ดูนะครับ
05:34
Here at TEDTED there are great opportunitiesโอกาส.
100
322000
2000
ที่นี่ ที่ TED เต็มไปด้วยโอกาสที่ยิ่งใหญ่
05:38
The Harvardฮาร์วาร์ Businessธุรกิจ Reviewทบทวน recentlyเมื่อเร็ว ๆ นี้ had an articleบทความ calledเรียกว่า
101
326000
3000
ในวารสาร Harvard Business Review มีบทความหนึ่งชื่อว่า
05:41
"The Humanเป็นมนุษย์ Momentขณะ," about how to make realจริง contactติดต่อ
102
329000
3000
"ณ ช่วงขณะของมนุษย์" ซึ่งเกี่ยวกับว่า ทำอย่างไรเราจะสามารถมีปฏิสัมพันธ์จริงๆ
05:44
with a personคน at work. And they said, well,
103
332000
3000
กับเพื่อนร่วมงาน และเขาบอกว่าอย่างนี้ครับ
05:47
the fundamentalพื้นฐาน thing you have to do is turnกลับ off your BlackBerryBlackBerry,
104
335000
3000
พื้นฐานเลยก็คือคุณต้องปิด BlackBerry ของคุณก่อน
05:51
closeปิด your laptopแล็ปท็อป, endปลาย your daydreamฝันกลางวัน
105
339000
3000
ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และเลิกฝันกลางวัน
05:55
and payจ่ายเงิน fullเต็ม attentionความสนใจ to the personคน.
106
343000
2000
และให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับคนๆนั้น
05:58
There is a newlyใหม่ coinedประกาศเกียรติคุณ wordคำ in the Englishอังกฤษ languageภาษา
107
346000
4000
มีศัพย์ใหม่คำหนึ่งในภาษาอังกฤษ
06:03
for the momentขณะ when the personคน we're with whipsแส้ out theirของพวกเขา BlackBerryBlackBerry
108
351000
3000
สำหรับเวลาที่คนที่เราอยู่ด้วยหยิบเอา BlackBerry ขึ้นมา
06:06
or answersคำตอบ that cellเซลล์ phoneโทรศัพท์, and all of a suddenฉับพลัน we don't existมีอยู่.
109
354000
3000
หรือรับโทรศัพท์มือถือ และ ก็เหมือนกับว่าเราได้อันตรธานไปโดยฉับพลัน
06:10
The wordคำ is "pizzledpizzled": it's a combinationการรวมกัน of puzzledงงงวย and pissedโกรธ off.
110
358000
4000
คำนั้นคือ "pizzled" มันเป็นการผสมคำของ puzzled [งงงัน] กับ pissed off [โมโห]
06:14
(Laughterเสียงหัวเราะ)
111
362000
3000
(เสียงหัวเราะ)
06:17
I think it's quiteทีเดียว aptฉลาด. It's our empathyการเอาใจใส่, it's our tuningการปรับเสียง in
112
365000
6000
ผมว่าก็เหมาะนะ มันเป็นความเอาใจเขามาใส่ใจเราของเรา เป็นการที่เราเข้าหาผู้อื่น
06:24
whichที่ separatesแยก us from MachiavelliansMachiavellians or sociopathsต่อต้านสังคม.
113
372000
3000
ที่แยกเราจากพวกปลิ้นปล้อน และพวกต่อต้านสังคม
06:27
I have a brother-in-lawพี่เขย who'sใคร an expertผู้เชี่ยวชาญ on horrorความน่ากลัว and terrorความหวาดกลัว --
114
375000
5000
ผมมีน้อง(หรือพี่)เขยคนหนึ่ง เขาชำนาญเรื่องน่ากลัวและสยดสยอง
06:32
he wroteเขียน the Annotatedข้อเขียน Draculaแดรกคิวลา, the Essentialสำคัญ FrankensteinFrankenstein --
115
380000
3000
เขาเขียนหนังสือ the Annotated Dracula, the Essential Frankenstein
06:35
he was trainedผ่านการฝึกอบรม as a Chaucerชอเซอร์ scholarนักวิชาการ,
116
383000
1000
เขาถูกฝึกมาในแนวของ Chaucer (สไตล์นักเขียนคนหนึ่ง)
06:36
but he was bornโดยกำเนิด in TransylvaniaTransylvania
117
384000
2000
แต่เขาเกิดที่ ทรานซิลเวเนีย
06:38
and I think it affectedได้รับผล him a little bitบิต.
118
386000
2000
และผมคิดว่านั่นส่งผลต่อเขาเล็กน้อย
06:40
At any rateอัตรา, at one pointจุด my brother-in-lawพี่เขย, Leonardเลียวนาร์ด,
119
388000
4000
ยังไงก็ตาม ณ จุดหนึ่ง ลีโอนาร์ด (Leonard) น้องเขยผมคนนี้
06:44
decidedตัดสินใจ to writeเขียน a bookหนังสือ about a serialอนุกรม killerนักฆ่า.
120
392000
2000
ตัดสินใจเขียนหนังสือเกี่ยวกับ ฆาตกรต่อเนื่อง
06:46
This is a man who terrorizedคุกคาม the very vicinityบริเวณใกล้เคียง we're in
121
394000
3000
คนที่เคยสร้างความสยดสยองไปทุกหัวระแหง
06:50
manyจำนวนมาก yearsปี agoมาแล้ว. He was knownที่รู้จักกัน as the Santaซานตา Cruzครูซ stranglerรัด.
122
398000
2000
หลายปีที่ผ่านมา เขาเป็นที่รู้จักในนาม นักบีบคอแห่ง Santa Cruz
06:53
And before he was arrestedจับกุม, he had murderedฆ่า his grandparentsปู่ย่าตายาย,
123
401000
4000
และ ก่อนที่เขาจะถูกจับ เขาได้ฆ่าปู่ย่าตายายของเขา
06:57
his motherแม่ and fiveห้า co-edsร่วมชั้นเลิศ at UCUC Santaซานตา Cruzครูซ.
124
405000
3000
แม่เขา และนักศีกษาในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียวิทยาเขต Santa Cruz อีก 5 คน
07:01
So my brother-in-lawพี่เขย goesไป to interviewสัมภาษณ์ this killerนักฆ่า
125
409000
2000
น้องเขยผมไปสัมภาษณ์ฆาตกรคนนี้
07:04
and he realizesตระหนัก when he meetsมีคุณสมบัติตรงตาม him
126
412000
2000
และเขาตระหนัก เมื่อเขาได้พบฆาตกรผู้นี้
07:06
that this guy is absolutelyอย่างแน่นอน terrifyingน่าสะพรึงกลัว.
127
414000
1000
ว่า ชายคนนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
07:08
For one thing, he's almostเกือบจะ sevenเจ็ด feetฟุต tallสูง.
128
416000
2000
ประการหนึ่งเพราะเขาสูงเกือบ 7 ฟุต (210 เซ็นติเมตร)
07:10
But that's not the mostมากที่สุด terrifyingน่าสะพรึงกลัว thing about him.
129
418000
3000
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับเขา
07:13
The scariestที่น่ากลัวที่สุด thing is that his IQไอคิว is 160: a certifiedได้รับการรับรอง geniusอัจฉริยภาพ.
130
421000
5000
ที่น่ากลัวที่สุดคือ IQ เขาสูงถึง 160 ซึ่งเป็นระดับอัจฉริยะ
07:19
But there is zeroศูนย์ correlationความสัมพันธ์ betweenระหว่าง IQไอคิว and emotionalอารมณ์ empathyการเอาใจใส่,
131
427000
4000
แต่มันไม่มีความสัมพันธ์ระหว่าง IQ และความเห็นอกเห็นใจ
07:23
feelingความรู้สึก with the other personคน.
132
431000
1000
ความรู้สึกที่ร่วมไปกับผู้อื่น
07:25
They're controlledถูกควบคุม by differentต่าง partsชิ้นส่วน of the brainสมอง.
133
433000
2000
สิ่งเหล่านั้นมันถูกควบคุมด้วยสมองส่วนอื่น
07:28
So at one pointจุด, my brother-in-lawพี่เขย getsได้รับ up the courageความกล้าหาญ
134
436000
2000
ณ จุดหนึ่ง น้อยเขยผมรวบรวมความกล้า
07:31
to askถาม the one questionคำถาม he really wants to know the answerตอบ to,
135
439000
2000
เพื่อถามคำถามหนึ่งที่เขาอยากรู้มากๆ
07:33
and that is: how could you have doneเสร็จแล้ว it?
136
441000
3000
และนั่นคือคำถามว่า คุณทำอย่างนั้นได้อย่างไร
07:36
Didn't you feel any pityสงสาร for your victimsผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ?
137
444000
2000
คุณไม่รู้สึกสงสารเหยื่อของคุณแม้สักนิดเลยหรือ
07:38
These were very intimateใกล้ชิด murdersฆาตกรรม -- he strangledรัดคอ his victimsผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ.
138
446000
3000
การฆาตกรรมเหล่านั้นเป็นระยะประชั้นตัวกับคนใกล้ชิดคุ้นเคย เขาบีบคอเหยื่อ
07:42
And the stranglerรัด saysกล่าวว่า very matter-of-factlyเรื่องของหลักความจริง,
139
450000
2000
และเขาตอบในสิ่งที่สำคัญมากคือ
07:44
"Oh no. If I'd feltรู้สึกว่า the distressความทุกข์, I could not have doneเสร็จแล้ว it.
140
452000
5000
"ไม่เลย หากผมรู้สึกเสียใจ ผมคงทำเช่นนั้นไม่ได้
07:49
I had to turnกลับ that partส่วนหนึ่ง of me off. I had to turnกลับ that partส่วนหนึ่ง of me off."
141
457000
6000
ผมต้องเอาส่วนนั้นออกไป ผมต้องทำอย่างนั้น"
07:55
And I think that that is very troublingน่าหนักใจ,
142
463000
5000
และการคิดแบบนั้นนั่นแหละที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาอย่างยิ่ง
08:01
and in a senseความรู้สึก, I've been reflectingสะท้อนให้เห็นถึง on turningการหมุน that partส่วนหนึ่ง of us off.
143
469000
4000
และในแง่หนึ่ง ผมจึงได้ไตร่ตรองเกี่ยวกับการที่เราตัดเอาความคิดส่วนนั้นออกไป
08:05
When we focusโฟกัส on ourselvesตัวเรา in any activityกิจกรรม,
144
473000
2000
เมื่อเรามุ่งความสนใจมาที่ตัวเราเองในการทำอะไรก็ตาม
08:08
we do turnกลับ that partส่วนหนึ่ง of ourselvesตัวเรา off if there's anotherอื่น personคน.
145
476000
3000
เราได้ตัดความคิดที่ว่านี่มีผู้อื่นอยู่หรือไม่
08:12
Think about going shoppingช้อปปิ้ง and think about the possibilitiesความเป็นไปได้
146
480000
5000
ลองคิดเกี่ยวกับการไปช็อปปิ้ง และคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้
08:17
of a compassionateมีความสงสาร consumerismการคุ้มครองผู้บริโภค.
147
485000
2000
ของแนวบริโภคนิยมเชิงอนุรักษ์
08:20
Right now, as Billบิล McDonoughดอนนา has pointedแหลม out,
148
488000
2000
ตอนนี้ เหมือนที่ บิลล์ แม็คโดนอฟ (Bill McDonough) ได้ชี้ไว้
08:24
the objectsวัตถุ that we buyซื้อ and use have hiddenซ่อนเร้น consequencesผลที่ตามมา.
149
492000
4000
สิ่งที่เราซื้อและใช้มักมีผลกระทบที่ซ่อนเร้นอยู่
08:28
We're all unwittingไม่รู้ victimsผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ of a collectiveโดยรวม blindตาบอด spotจุด.
150
496000
3000
พวกเราทั้งหมดนั้นเป็นเหยื่อโดยที่ไม่รู้ตัวของสิ่งซ่อนเร้นพวกนี้
08:32
We don't noticeแจ้งให้ทราบ and don't noticeแจ้งให้ทราบ that we don't noticeแจ้งให้ทราบ
151
500000
2000
เราไม่ได้สังเกต และ ไม่ได้สังเกตว่าเราไม่ได้สังเกตเกี่ยวกับ
08:35
the toxicเป็นพิษ moleculesโมเลกุล emittedที่ปล่อยออกมา by a carpetพรม or by the fabricผ้า on the seatsที่นั่ง.
152
503000
6000
โมเลกุลที่เป็นพิษจากพรมหรือผ้าปูเบาะ
08:42
Or we don't know if that fabricผ้า is a technologicalเทคโนโลยี
153
510000
5000
หรือเราไม่รู้ว่าผ้านั่นใช้เทคโนโลยีหรือการผลิตที่
08:47
or manufacturingการผลิต nutrientสารอาหาร; it can be reusedนำกลับมาใช้
154
515000
4000
สามารถนำกลับมาใช่ใหม่ได้หรือไม่
08:51
or does it just endปลาย up at landfillฝังกลบ? In other wordsคำ,
155
519000
2000
หรือเราจะต้องทิ้งมันไป อีกนัยหนึ่ง
08:53
we're obliviousลบเลือน to the ecologicalระบบนิเวศ and publicสาธารณะ healthสุขภาพ
156
521000
5000
เรานั้นไม่ได้สนใจเรื่องนิเวศและสาธารณสุข
08:59
and socialสังคม and economicด้านเศรษฐกิจ justiceความยุติธรรม consequencesผลที่ตามมา
157
527000
3000
และ ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม
09:02
of the things we buyซื้อ and use.
158
530000
2000
ของสิ่งที่เราซื้อและใช้
09:06
In a senseความรู้สึก, the roomห้อง itselfตัวเอง is the elephantช้าง in the roomห้อง,
159
534000
4000
จะว่าไป ก็เหมือนกันห้องหนึ่งที่ตัวห้องเองเป็นช้างที่อยู่ในห้อง
09:10
but we don't see it. And we'veเราได้ becomeกลายเป็น victimsผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ
160
538000
4000
และเรามองไม่เห็นมัน และเรากลายเป็นเหยื่อ
09:14
of a systemระบบ that pointsจุด us elsewhereที่อื่น ๆ. Considerพิจารณา this.
161
542000
3000
ของระบบที่เกี่ยวกับเราในที่อื่นๆ ลองพิจารณาอันนี้ครับ
09:18
There's a wonderfulยอดเยี่ยม bookหนังสือ calledเรียกว่า
162
546000
3000
มีหนังสือที่เยี่ยมมากเล่มหนึ่งชื่อ
09:22
StuffStuff: The Hiddenซ่อนเร้น Life of Everydayทุกวัน Objectsวัตถุ.
163
550000
2000
สิ่งของ:ชีวิตที่ซ่อนอยู่ของใช้ประจำวัน
09:25
And it talksการเจรจา about the back storyเรื่องราว of something like a t-shirtเสื้อยืดคอกลม.
164
553000
3000
มันเกี่ยวกับเรื่องราวเบื้องหลังของของบางอย่างเช่น เสื้อยืด
09:28
And it talksการเจรจา about where the cottonฝ้าย was grownเจริญเติบโต
165
556000
3000
และมันบอกเกี่ยวกับว่าฝ้ายปลูกที่ไหน
09:31
and the fertilizersปุ๋ย that were used and the consequencesผลที่ตามมา
166
559000
2000
และปุ๋ยที่ใช้รวมทั้งผลกระทบของปุ๋ย
09:33
for soilดิน of that fertilizerปุ๋ย. And it mentionsกล่าวถึง, for instanceตัวอย่าง,
167
561000
4000
ที่มีต่อดิน และมันบอกว่า นี่ครับตัวอย่าง
09:37
that cottonฝ้าย is very resistantต้านทาน to textileสิ่งทอ dyeย้อม;
168
565000
3000
ฝ้ายนั้นทนทานมากต่อสีย้อมผ้า
09:40
about 60 percentเปอร์เซ็นต์ washesล้าง off into wastewaterน้ำเสีย.
169
568000
3000
ราว 60 เปอร์เซ็นต์จะถูกล้างออกมาไปกับน้ำทิ้ง
09:43
And it's well knownที่รู้จักกัน by epidemiologistsระบาดวิทยา that kidsเด็ก
170
571000
3000
และเป็นที่รู้กันดีในหมู่นักระบาดวิทยาว่าเด็กๆ
09:46
who liveมีชีวิต nearใกล้ textileสิ่งทอ worksโรงงาน tendมีแนวโน้ม to have highสูง ratesราคา of leukemiaโรคมะเร็งในโลหิต.
171
574000
5000
ที่อาศัยอยู่ใกล้โรงย้อมผ้าจะมีอัตราการเป็นโรคลูคีเมียสูง
09:52
There's a companyบริษัท, Bennettเบนเน็ตต์ and Companyบริษัท, that suppliesพัสดุ Poloโปโล.comดอทคอม,
172
580000
4000
มีบริษัทหนึ่งชื่อว่า Bernett and Company ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าให้กับ Polo.com
09:57
Victoria'sวิกตอเรีย Secretลับ -- they, because of theirของพวกเขา CEOผู้บริหารสูงสุด, who'sใคร awareทราบ of this,
173
585000
5000
Victoria's Secret ด้วยเหตุที่ว่า CEO ของเขาที่สนใจในเรื่องนี้
10:03
in Chinaประเทศจีน formedรูปแบบ a jointร่วมกัน ventureเสี่ยง with theirของพวกเขา dyeย้อม worksโรงงาน
174
591000
4000
ได้ทำการร่วมทุนที่จีนกับบริษัทย้อมผ้า
10:07
to make sure that the wastewaterน้ำเสีย
175
595000
2000
เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำทิ้งนั่น
10:09
would be properlyอย่างถูกต้อง takenยึด careการดูแล of before it returnedกลับ to the groundwaterน้ำบาดาล.
176
597000
4000
จะถูกบำบัดด้วยวิธีที่เหมาะสมก่อนมันจะเทลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ
10:13
Right now, we don't have the optionตัวเลือก to chooseเลือก the virtuousบริสุทธิ์ t-shirtเสื้อยืดคอกลม
177
601000
4000
ตอนนี้ เรายังไม่มีหนทางที่จะเลือกซื้อเสื้อยืดที่ผลิตด้วยกระบวนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
10:18
over the non-virtuousไม่ใช่คุณงามความดี one. So what would it take to do that?
178
606000
4000
แทนที่จะเป็นอันที่ไม่ดีได้ แล้วอะไรหล่ะที่จะทำให้เรามีหนทาง
10:25
Well, I've been thinkingคิด. For one thing,
179
613000
3000
อืม ผมคิดว่า อย่างหนึ่ง
10:28
there's a newใหม่ electronicอิเล็กทรอนิกส์ taggingการติดแท็ก technologyเทคโนโลยี that allowsช่วยให้ any storeเก็บ
180
616000
5000
มีเทคโนโลยีติดแถบป้ายอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำให้ร้านค้าใดๆก็ตาม
10:33
to know the entireทั้งหมด historyประวัติศาสตร์ of any itemชิ้น on the shelvesชั้นวาง in that storeเก็บ.
181
621000
4000
รู้ประวัติทั้งหมดของสิ่งของบนชั้นวางที่ร้านนั้น
10:38
You can trackลู่ it back to the factoryโรงงาน. Onceครั้งหนึ่ง you can trackลู่ it
182
626000
2000
คุณสามารถตามย้อนรอยไปถึงโรงงาน และเมื่อคุณทำเช่นนั้น
10:40
back to the factoryโรงงาน, you can look at the manufacturingการผลิต processesกระบวนการ
183
628000
4000
คุณจะสามารถดูกระบวนการผลิต
10:44
that were used to make it, and if it's virtuousบริสุทธิ์,
184
632000
4000
ที่ถูกใช้ในการผลิตสินค้านั้น และถ้ามันผลิตด้วยกระบวนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
10:48
you can labelฉลาก it that way. Or if it's not so virtuousบริสุทธิ์,
185
636000
4000
คุณก็สามารถจะมั่นใจได้ หรือว่ามันไม่ใช่
10:52
you can go into -- todayในวันนี้, go into any storeเก็บ,
186
640000
4000
ณ วันนี้ คุณสามารถไปที่ร้านไหนก็ได้
10:56
put your scannerสแกนเนอร์ on a palmปาล์ม ontoไปยัง a barcodeบาร์โค้ด,
187
644000
3000
เอาเครื่องตรวจทาบบนแถบรหัสสินค้า
10:59
whichที่ will take you to a websiteเว็บไซต์.
188
647000
2000
ซึ่งจะพาคุณไปที่เว็บไซต์
11:01
They have it for people with allergiesโรคภูมิแพ้ to peanutsถั่ว.
189
649000
2000
เขาทำขึ้นเพื่อคนที่แพ้ถั่วลิสง
11:04
That websiteเว็บไซต์ could tell you things about that objectวัตถุ.
190
652000
2000
และเว็บนั้นจะบอกคุณเกี่ยวกับสินค้านั้น
11:07
In other wordsคำ, at pointจุด of purchaseซื้อ,
191
655000
1000
อีกนัยหนึ่ง ขณะที่ซื้อสินค้า
11:08
we mightอาจ be ableสามารถ to make a compassionateมีความสงสาร choiceทางเลือก.
192
656000
4000
เราสามารถจะเลือกทางเลือกที่รับผิดชอบต่อสังคมได้
11:12
There's a sayingคำพูด in the worldโลก of informationข้อมูล scienceวิทยาศาสตร์:
193
660000
6000
นี่เป็นที่สิ่งบอกว่าในโลกแห่งวิทยาการสารสนเทศ
11:18
ultimatelyในที่สุด everybodyทุกคน will know everything.
194
666000
3000
ท้ายสุดแล้ว ทุกคนจะรู้ทุกอย่าง
11:21
And the questionคำถาม is: will it make a differenceข้อแตกต่าง?
195
669000
2000
และคำถามคือว่า มันจะทำให้เกิดความแตกต่างไหม
11:25
Some time agoมาแล้ว when I was workingการทำงาน for The Newใหม่ Yorkนิวยอร์ก Timesไทม์ส,
196
673000
3000
ย้อนกลับไปพักหนึ่ง ตอนที่ผมทำงานกับ New York Times
11:29
it was in the '80s, I did an articleบทความ
197
677000
2000
ในช่วงทศวรรษ 80s ผมเขียนบทความ
11:31
on what was then a newใหม่ problemปัญหา in Newใหม่ Yorkนิวยอร์ก --
198
679000
2000
ว่าอะไรจะเป็นปัญหาใหม่สำหรับมหานครนิวยอร์ก
11:33
it was homelessไม่มีที่อยู่อาศัย people on the streetsถนน.
199
681000
2000
นั่นคือคนเร่ร่อนบนถนน
11:35
And I spentการใช้จ่าย a coupleคู่ of weeksสัปดาห์ที่ผ่านมา going around with a socialสังคม work agencyหน่วยงาน
200
683000
4000
และผมใช้เวลาสองสัปดาห์ไปกับหน่วยงานด้านสังคม
11:39
that ministeredปรนนิบัติ to the homelessไม่มีที่อยู่อาศัย. And I realizedตระหนัก seeingเห็น the homelessไม่มีที่อยู่อาศัย
201
687000
3000
ที่ดูแลคนเร่ร่อน และผมตระหนักว่า จากการมองเห็นผ่านคนเร่ร่อน
11:42
throughตลอด theirของพวกเขา eyesตา that almostเกือบจะ all of them were psychiatricจิตเวช patientsผู้ป่วย
202
690000
5000
ผ่านสายตาพวกเขานั้น พวกเขาเกือบทั้งหมดเป็นคนไข้จิตเวช
11:47
that had nowhereไม่มีที่ไหนเลย to go. They had a diagnosisการวินิจฉัยโรค. It madeทำ me --
203
695000
4000
ที่ไม่มีที่จะไป พวกเขาได้รับการตรวจวินิจฉัยแล้ว มันทำให้ผม
11:52
what it did was to shakeเขย่า me out of the urbanในเมือง tranceความมึนงง where,
204
700000
3000
มันปลุกผมออกจากภวังค์ของเมืองที่ซึ่ง
11:56
when we see, when we're passingที่ผ่านไป someoneบางคน who'sใคร homelessไม่มีที่อยู่อาศัย
205
704000
3000
เมื่อเราเห็น เมื่อเราเดินผ่านคนที่เร่ร่อน
11:59
in the peripheryรอบนอก of our visionวิสัยทัศน์, it staysการเข้าพัก on the peripheryรอบนอก.
206
707000
3000
เขาไม่อยู่ในตาสายเลย
12:04
We don't noticeแจ้งให้ทราบ and thereforeดังนั้น we don't actการกระทำ.
207
712000
2000
เราไม่สังเกต และด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ทำอะไร
12:09
One day soonในไม่ช้า after that -- it was a Fridayวันศุกร์ -- at the endปลาย of the day,
208
717000
5000
วันหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน มันเป็นวันศุกร์ ตอนช่วงเย็นๆค่ำๆ
12:14
I wentไป down -- I was going down to the subwayรถไฟใต้ดิน. It was rushวิ่ง hourชั่วโมง
209
722000
3000
ผมกำลังเดินไปที่รถไฟใต้ติน ในชั่วโมงเร่งด่วน
12:17
and thousandsพัน of people were streamingสตรีมมิ่ง down the stairsบันได.
210
725000
2000
ฝูงชนก็พากันกรูลงบันได
12:19
And all of a suddenฉับพลัน as I was going down the stairsบันได
211
727000
2000
และทันทีที่ผมกำลังจะเดินลงบันไดนั้น
12:21
I noticedสังเกตเห็น that there was a man slumpedทรุด to the sideด้าน,
212
729000
3000
ผมสังเกตเห็นชายคนหนึ่งทรุดฮวบลงข้างทาง
12:24
shirtlessสวมเสื้อ, not movingการเคลื่อนย้าย, and people were just steppingก้าว over him --
213
732000
4000
ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ไม่เคลื่อนไหว และคนต่างก็เดินเหยียบเขา
12:29
hundredsหลายร้อย and hundredsหลายร้อย of people.
214
737000
1000
คนเป็นไม่รู้จะเท่าไหร่
12:31
And because my urbanในเมือง tranceความมึนงง had been somehowอย่างใด weakenedอ่อนแอ,
215
739000
3000
และเพราะว่าภวังค์หลงในความเมืองผมนั้นได้ลดลง
12:35
I foundพบ myselfตนเอง stoppingการหยุด to find out what was wrongไม่ถูกต้อง.
216
743000
3000
ผมหยุดคิดว่าอะไรที่มันไม่ผิดปกติ
12:39
The momentขณะ I stoppedหยุด, halfครึ่ง a dozenโหล other people
217
747000
2000
เวลาที่ผมหยุดนั้น คนสักครึ่งโหลได
12:42
immediatelyทันที ringedซึ่งได้ส่งเสียงดัง the sameเหมือนกัน guy.
218
750000
1000
ได้ล้อมไปช่วยที่ชายผู้นั้นทันที
12:44
And we foundพบ out that he was Hispanicสเปนและโปรตุเกส, he didn't speakพูด any Englishอังกฤษ,
219
752000
2000
และเราพบว่าเขาเชื้อสายสเปน เขาพูดอังกฤษไม่ได้เลย
12:46
he had no moneyเงิน, he'dเขาต้องการ been wanderingที่หลงทาง the streetsถนน for daysวัน, starvingที่หิวโหย,
220
754000
5000
เขาไม่มีเงินเลย เขาได้เดินเตร่ตามถนนเป็นเวลาหลายวันแล้ว อย่างหิวโหย
12:51
and he'dเขาต้องการ faintedเป็นลม from hungerความหิว.
221
759000
1000
และหมดสติลงด้วยความหิว
12:52
Immediatelyทันที someoneบางคน wentไป to get orangeส้ม juiceน้ำผลไม้,
222
760000
2000
ทันใดนั้น ใครบางคนไปซื้อน้ำส้มให้
12:54
someoneบางคน broughtนำ a hotdogฮอทดอก, someoneบางคน broughtนำ a subwayรถไฟใต้ดิน copตำรวจ.
223
762000
2000
บางคนซื้อฮอทดอก บางคนเรียกตำรวจรถไฟใต้ดินมาช่วย
12:57
This guy was back on his feetฟุต immediatelyทันที.
224
765000
3000
ชายคนนี้กลับมาเป็นปกติในทันใด
13:00
But all it tookเอา was that simpleง่าย actการกระทำ of noticingสังเกตเห็น,
225
768000
4000
แต่สิ่งง่ายๆที่เราต้องการคือแค่ การสังเกต
13:05
and so I'm optimisticในแง่ดี.
226
773000
1000
และ ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดีด้วยสิ
13:06
Thank you very much.
227
774000
1000
ขอบคุณมากครับ
13:07
(Applauseการปรบมือ)
228
775000
2000
(เสียงปรบมือ)
Translated by Worawach Tungjitcharoen
Reviewed by Heartfelt Grace

▲Back to top

ABOUT THE SPEAKER
Daniel Goleman - Psychologist
Daniel Goleman, psychologist and award-winning author of Emotional Intelligence and other books on EI, challenges traditional measures of intelligence as a predictor of life success.

Why you should listen

Daniel Goleman brought the notion of "EI" to prominence as an alternative to more traditional measures of IQ with his 1995 mega-best-seller Emotional Intelligence.

Since the publication of that book, conferences and academic institutes have sprung up dedicated to the idea. EI is taught in public schools, and corporate leaders have adopted it as a new way of thinking about success and leadership. EI, and one's "EIQ," can be an explanation of why some "average" people are incredibly successful, while "geniuses" sometimes fail to live up to their promise.

More profile about the speaker
Daniel Goleman | Speaker | TED.com