ABOUT THE SPEAKER
Brené Brown - Vulnerability researcher
Brené Brown studies vulnerability, courage, authenticity, and shame.

Why you should listen

Brené Brown is a research professor at the University of Houston Graduate College of Social Work. She has spent the past ten years studying vulnerability, courage, authenticity, and shame. She spent the first five years of her decade-long study focusing on shame and empathy, and is now using that work to explore a concept that she calls Wholeheartedness. She poses the questions:

How do we learn to embrace our vulnerabilities and imperfections so that we can engage in our lives from a place of authenticity and worthiness? How do we cultivate the courage, compassion, and connection that we need to recognize that we are enough – that we are worthy of love, belonging, and joy?

Read the TED Blog's Q&A with Brené Brown >>

More profile about the speaker
Brené Brown | Speaker | TED.com
TEDxHouston

Brené Brown: The power of vulnerability

เบรเน่ บราวน์ (Brené Brown): พลังของความเปราะบางทางใจ

Filmed:
46,319,192 views

เบรเน่ บราวน์ ศึกษาด้านความสัมพันธ์ของมนุษย์ เช่น ความสามารถที่จะรู้สึกเห็นใจ รู้สึกผูกพัน และรู้สึกรัก ผ่านการบรรยายที่ตลกและสะเทือนอารมณ์ ณ TEDx ในเมืองฮูสตัน เธอแบ่งปันเรื่องราวจากงานวิจัยของเธอ ที่ทำให้เธอเริ่มการเดินทางเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับตัวเอง... และมนุษยชาติ ซึ่งเป็นการบรรยายที่น่าบอกต่ออย่างยิ่ง
- Vulnerability researcher
Brené Brown studies vulnerability, courage, authenticity, and shame. Full bio

Double-click the English transcript below to play the video.

00:15
So, I'll startเริ่มต้น with this:
0
0
2000
เริ่มต้นอย่างนี้ละกันค่ะ
00:17
a coupleคู่ yearsปี agoมาแล้ว, an eventเหตุการณ์ plannerผู้วางแผน calledเรียกว่า me
1
2000
2000
2-3 ปีก่อน มีผู้จัดงานคนนึงโทรมาหา
00:19
because I was going to do a speakingการพูด eventเหตุการณ์.
2
4000
2000
เพราะฉันกำลังจะไปพูดบรรยาย
00:21
And she calledเรียกว่า, and she said,
3
6000
2000
เธอโทรมา แล้วบอกว่า
00:23
"I'm really strugglingการดิ้นรน with how
4
8000
2000
"ฉันกำลังคิดไม่ตก
00:25
to writeเขียน about you on the little flyerนักบิน."
5
10000
2000
ว่าจะเขียนแนะนำคุณยังไงในใบปลิวโฆษณา"
00:27
And I thought, "Well, what's the struggleการต่อสู้?"
6
12000
2000
ฉันเลยถามไปว่า "มีปัญหาตรงไหนเหรอคะ"
00:29
And she said, "Well, I saw you speakพูด,
7
14000
2000
เธอตอบว่า "คือ ฉันเคยฟังคุณพูด
00:31
and I'm going to call you a researcherนักวิจัย, I think,
8
16000
3000
และคิดว่าฉันน่าจะเรียกคุณว่า'นักวิจัย'
00:34
but I'm afraidเกรงกลัว if I call you a researcherนักวิจัย, no one will come,
9
19000
2000
แต่ก็กลัวว่า ถ้าเรียกคุณว่า'นักวิจัย' แล้วจะไม่มีใครมาฟัง
00:36
because they'llพวกเขาจะ think you're boringน่าเบื่อ and irrelevantที่ไม่เกี่ยวข้อง."
10
21000
2000
เพราะคนเขาจะคิดว่าคุณน่าเบื่อและไม่มีประโยชน์ต่อชีวิตเขา"
00:38
(Laughterเสียงหัวเราะ)
11
23000
2000
(เสียงหัวเราะ)
00:40
And I was like, "Okay."
12
25000
2000
ฉันก็บอกกลับว่า "โอเค"
00:42
And she said, "But the thing I likedชอบ about your talk
13
27000
2000
เธอบอกว่า"แต่ที่ฉันชอบเกี่ยวกับการบรรยายของคุณน่ะ
00:44
is you're a storytellerผู้เล่า.
14
29000
2000
คือความที่คุณเป็นนักเล่าเรื่อง
00:46
So I think what I'll do is just call you a storytellerผู้เล่า."
15
31000
3000
ก็เลยคิดว่าเรียกคุณว่า'นักเล่าเรื่อง'แล้วกัน"
00:49
And of courseหลักสูตร, the academicวิชาการ, insecureไม่ปลอดภัย partส่วนหนึ่ง of me
16
34000
3000
ซึ่งแน่นอนว่า ส่วนความเป็นนักวิชาการและความไม่มั่นใจของฉัน
00:52
was like, "You're going to call me a what?"
17
37000
2000
ถามว่า "จะเรียกฉันว่าอะไรนะ"
00:54
And she said, "I'm going to call you a storytellerผู้เล่า."
18
39000
3000
เธอบอกว่า "จะเรียกคุณว่า 'นักเล่าเรื่อง' ค่ะ"
00:57
And I was like, "Why not magicมายากล pixieผีตัวเล็ก?"
19
42000
3000
ฉันเลย แบบว่า "ไม่เรียกว่า 'ภูตน้อยมหัศจรรย์' ไปซะเลยล่ะ"
01:00
(Laughterเสียงหัวเราะ)
20
45000
3000
(เสียงหัวเราะ)
01:03
I was like, "Let me think about this for a secondที่สอง."
21
48000
3000
ฉันก็บอกว่า "เดี๋ยวขอคิดแป๊บนึง"
01:06
I triedพยายาม to call deepลึก on my courageความกล้าหาญ.
22
51000
3000
ฉันพยายามจะควานหาความกล้าในตัวเอง
01:09
And I thought, you know, I am a storytellerผู้เล่า.
23
54000
3000
แล้วก็คิดว่า ฉันเป็นนักเล่าเรื่องจริงๆ
01:12
I'm a qualitativeเชิงคุณภาพ researcherนักวิจัย.
24
57000
2000
ฉันเป็นนักวิจัยเชิงคุณภาพ
01:14
I collectเก็บ storiesเรื่องราว; that's what I do.
25
59000
2000
ฉันรวบรวมเรื่องราว นั่นคือสิ่งที่ฉันทำ
01:16
And maybe storiesเรื่องราว are just dataข้อมูล with a soulจิตวิญญาณ.
26
61000
3000
แล้วบางที เรื่องราวเหล่านั้นก็คือข้อมูลที่มีจิตวิญญาณ
01:19
And maybe I'm just a storytellerผู้เล่า.
27
64000
2000
บางที ฉันอาจจะเป็นแค่นักเล่าเรื่องจริงๆ
01:21
And so I said, "You know what?
28
66000
2000
ฉันเลยบอกเธอไปว่า "เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ
01:23
Why don't you just say I'm a researcher-storytellerนักวิจัยนักเล่าเรื่อง."
29
68000
3000
คุณเรียกฉันว่า'นักวิจัย-เล่าเรื่อง'แล้วกัน"
01:26
And she wentไป, "Hahaฮ่าฮ่า. There's no suchอย่างเช่น thing."
30
71000
3000
เธอตอบว่า "ฮาฮา คนแบบนั้นไม่มีในโลกหรอกค่ะ"
01:29
(Laughterเสียงหัวเราะ)
31
74000
2000
(หัวเราะ)
01:31
So I'm a researcher-storytellerนักวิจัยนักเล่าเรื่อง,
32
76000
2000
ค่ะ ฉันเป็นนักวิจัย-เล่าเรื่อง
01:33
and I'm going to talk to you todayในวันนี้ --
33
78000
2000
ที่จะมาบรรยายในวันนี้
01:35
we're talkingการพูด about expandingที่ขยาย perceptionความเข้าใจ --
34
80000
2000
เพราะเราพูดถึงการเปิดกว้างทางการเรียนรู้กันบ่อยๆ
01:37
and so I want to talk to you and tell some storiesเรื่องราว
35
82000
2000
ฉันเลยอยากจะพูดกับพวกคุณ และเล่าเรื่องบางเรื่อง
01:39
about a pieceชิ้น of my researchการวิจัย
36
84000
3000
เกี่ยวกับงานวิจัยของฉันชิ้นหนึ่ง
01:42
that fundamentallyลึกซึ้ง expandedขยาย my perceptionความเข้าใจ
37
87000
3000
ที่เปลี่ยนพื้นฐานความเข้าใจของฉัน
01:45
and really actuallyแท้จริง changedการเปลี่ยนแปลง the way that I liveมีชีวิต and love
38
90000
3000
มันยังได้เปลี่ยนวิธีที่ฉันใช้ชีวิต และรัก
01:48
and work and parentผู้ปกครอง.
39
93000
2000
และทำงาน และเลี้ยงลูก
01:50
And this is where my storyเรื่องราว startsเริ่มต้น.
40
95000
2000
นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องค่ะ
01:52
When I was a youngหนุ่มสาว researcherนักวิจัย, doctoralปริญญาเอก studentนักเรียน,
41
97000
3000
ตอนที่ฉันยังเป็นนักวิจัยอายุน้อย เป็นนักศึกษาปริญญาเอก
01:55
my first yearปี I had a researchการวิจัย professorศาสตราจารย์
42
100000
2000
ปีแรก มีศาสตราจารย์วิจัยคนนึง
01:57
who said to us,
43
102000
2000
ที่พูดกับพวกเราว่า
01:59
"Here'sต่อไปนี้คือ the thing,
44
104000
2000
"มันเป็นอย่างนี้
02:01
if you cannotไม่ได้ measureวัด it, it does not existมีอยู่."
45
106000
3000
ถ้าคุณวัดมันไม่ได้ มันไม่มีอยู่จริง"
02:04
And I thought he was just sweet-talkingหวานพูดคุย me.
46
109000
3000
ฉันคิดว่าเขาล้อเล่นกับฉันไปอย่างนั้น
02:07
I was like, "Really?" and he was like, "Absolutelyอย่างแน่นอน."
47
112000
3000
ฉันว่า"จริงเหรอ" เขาก็ว่า"แน่นอน"
02:10
And so you have to understandเข้าใจ
48
115000
2000
คุณต้องเข้าใจนะคะ
02:12
that I have a bachelor'sปริญญาตรี in socialสังคม work, a master'sปริญญาโท in socialสังคม work,
49
117000
2000
ว่าฉันจบป.ตรีสาขาสังคมสงเคราะห์ ป.โทสาขาสังคมสงเคราะห์
02:14
and I was gettingได้รับ my PhPh.D. in socialสังคม work,
50
119000
2000
และตอนนั้นกำลังเรียนป.เอกสาขาสังคมสงเคราะห์
02:16
so my entireทั้งหมด academicวิชาการ careerอาชีพ
51
121000
2000
ตลอดเส้นทางการศึกษาของฉัน
02:18
was surroundedล้อมรอบ by people
52
123000
2000
ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน
02:20
who kindชนิด of believedเชื่อว่า
53
125000
2000
ที่เชื่อประมาณว่า
02:22
in the "life'sชีวิต messyยุ่ง, love it."
54
127000
3000
"ชีวิตมันยุ่งเหยิง ทำใจรักมันซะ"
02:25
And I'm more of the, "life'sชีวิต messyยุ่ง,
55
130000
2000
แต่ฉันออกจะเป็นแบบ "ชีวิตมันยุ่งเหยิง
02:27
cleanสะอาด it up, organizeจัดระเบียบ it
56
132000
3000
ก็สะสางเสียสิ จัดการให้เรียบร้อย
02:30
and put it into a bentoเบนโตะ boxกล่อง."
57
135000
2000
แล้วก็จัดลงไปในกล่องข้าวแบบญี่ปุ่น"
02:32
(Laughterเสียงหัวเราะ)
58
137000
2000
(หัวเราะ)
02:34
And so to think that I had foundพบ my way,
59
139000
3000
ฉันเลยคิดว่าหาพรหมลิขิตของตัวเองเจอแล้ว
02:37
to foundพบ a careerอาชีพ that takes me --
60
142000
3000
พบกับอาชีพที่เหมาะกับฉัน
02:40
really, one of the bigใหญ่ sayingsคำพูด in socialสังคม work
61
145000
3000
จริงๆนะคะ มีประโยคที่พูดกันบ่อยในวงการสังคมสงเคราะห์
02:43
is, "Leanยัน into the discomfortความไม่สบาย of the work."
62
148000
3000
"ใช้ความลำบากของงานมาเป็นกำลัง"
02:46
And I'm like, knockเคาะ discomfortความไม่สบาย upsideกลับหัวกลับหาง the headหัว
63
151000
3000
แต่ฉันเป็นพวก "ต่อยความลำบากให้หน้าหงาย
02:49
and moveย้าย it over and get all A'sเช่น.
64
154000
2000
ผลักออกไปให้พ้นทาง แล้วก็ได้เกรดAทุกตัว"
02:51
That was my mantraมนต์.
65
156000
3000
นั่นเป็นคาถาของฉันค่ะ
02:54
So I was very excitedตื่นเต้น about this.
66
159000
2000
ฉันก็เลยตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก
02:56
And so I thought, you know what, this is the careerอาชีพ for me,
67
161000
3000
แล้วฉันก็คิดว่า รู้อะไรมั้ย เนี่ยแหละอาชีพของฉัน
02:59
because I am interestedสนใจ in some messyยุ่ง topicsหัวข้อ.
68
164000
3000
เพราะฉันสนใจในหัวข้อที่ยุ่งเหยิง
03:02
But I want to be ableสามารถ to make them not messyยุ่ง.
69
167000
2000
แต่ฉันอยากทำให้มันไม่ยุ่ง
03:04
I want to understandเข้าใจ them.
70
169000
2000
ฉันอยากเข้าใจมัน
03:06
I want to hackสับ into these things
71
171000
2000
ฉันอยากจะเจาะลึกลงไปในเรื่องเหล่านั้น
03:08
I know are importantสำคัญ
72
173000
2000
ที่ฉันรู้ว่าสำคัญ
03:10
and layปู the codeรหัส out for everyoneทุกคน to see.
73
175000
2000
เพื่อจะถอดรหัสมาแสดงให้ทุกคนได้เห็น
03:12
So where I startedเริ่มต้น was with connectionสัมพันธ์.
74
177000
3000
ที่ที่ฉันเริ่มคือเรื่อง'ความสัมพันธ์'
03:15
Because, by the time you're a socialสังคม workerคนงาน for 10 yearsปี,
75
180000
3000
เพราะเมื่อคุณเป็นนักสังคมสงเคราะห์มา 10 ปี
03:18
what you realizeตระหนักถึง
76
183000
2000
สิ่งที่คุณตระหนักได้คือ
03:20
is that connectionสัมพันธ์ is why we're here.
77
185000
3000
ความสัมพันธ์เป็นเหตุผลที่เรามานั่งอยู่ตรงนี้
03:23
It's what givesจะช่วยให้ purposeวัตถุประสงค์ and meaningความหมาย to our livesชีวิต.
78
188000
3000
มันเป็นสิ่งที่สร้างจุดประสงค์และความหมายให้ชีวิตเรา
03:26
This is what it's all about.
79
191000
2000
นี่แหละคือคำตอบ
03:28
It doesn't matterเรื่อง whetherว่า you talk to people
80
193000
2000
ไม่ว่าคุณจะพูดกับใคร
03:30
who work in socialสังคม justiceความยุติธรรม and mentalทางใจ healthสุขภาพ and abuseการละเมิด and neglectละเลย,
81
195000
3000
คนที่ทำงานเกี่ยวกับสังคมสงเคราะห์ สุขภาพจิต ทารุณกรรม หรือการถูกทอดทิ้ง
03:33
what we know is that connectionสัมพันธ์,
82
198000
2000
สิ่งที่พวกเรารู้คือว่า ความสัมพันธ์
03:35
the abilityความสามารถ to feel connectedเกี่ยวข้อง, is --
83
200000
3000
ความสามารถที่จะรู้สึกถึงความสัมพันธ์
03:38
neurobiologicallyneurobiologically that's how we're wiredแบบใช้สาย --
84
203000
3000
ตามหลักชีวะและประสาทวิทยา คือปัจจัยของสิ่งมีชีวิต
03:41
it's why we're here.
85
206000
2000
มันคือสิ่งที่ทำให้เรามาอยู่ตรงนี้
03:43
So I thought, you know what, I'm going to startเริ่มต้น with connectionสัมพันธ์.
86
208000
3000
ฉันเลยคิดว่า รู้อะไรมั้ย ฉันจะเริ่มที่ความสัมพันธ์นี่แหละ
03:46
Well, you know that situationสถานการณ์
87
211000
3000
คุณรู้จักสถานการณ์นั้นดี
03:49
where you get an evaluationการประเมินผล from your bossนาย,
88
214000
2000
เวลาที่คุณได้รับการประเมินจากหัวหน้า
03:51
and she tellsบอก you 37 things you do really awesomeน่ากลัว,
89
216000
3000
แล้วหัวหน้าบอกว่าคุณทำ37อย่างได้เยี่ยมมาก
03:54
and one thing -- an "opportunityโอกาส for growthการเจริญเติบโต?"
90
219000
2000
และมีอย่างนึงที่เป็น'สิ่งที่ควรปรับปรุง'
03:56
(Laughterเสียงหัวเราะ)
91
221000
2000
(หัวเราะ)
03:58
And all you can think about is that opportunityโอกาส for growthการเจริญเติบโต, right?
92
223000
3000
แต่คุณก็เอาแต่คิดซ้ำๆถึงไอ้เจ้า'สิ่งที่ควรปรับปรุง'นี่
04:02
Well, apparentlyเด่นชัด this is the way my work wentไป as well,
93
227000
3000
งานวิจัยของฉันก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
04:05
because, when you askถาม people about love,
94
230000
3000
เพราะเวลาที่คุณถามใครๆเกี่ยวกับความรัก
04:08
they tell you about heartbreakความเสียใจ.
95
233000
2000
เขาจะตอบคุณด้วยเรื่องอกหัก
04:10
When you askถาม people about belongingซึ่งเป็นของ,
96
235000
2000
เวลาคุณถามเรื่องความผูกพัน
04:12
they'llพวกเขาจะ tell you theirของพวกเขา mostมากที่สุด excruciatingระทมทุกข์ experiencesประสบการณ์
97
237000
3000
เขาจะเล่าถึงประสบการณ์ที่ปวดร้าวที่สุด
04:15
of beingกำลัง excludedได้รับการยกเว้น.
98
240000
2000
ของการถูกแบ่งแยก
04:17
And when you askถาม people about connectionสัมพันธ์,
99
242000
2000
และเวลาที่คุณถามเรื่องความสัมพันธ์
04:19
the storiesเรื่องราว they told me were about disconnectionการปลด.
100
244000
3000
เรื่องที่เขาเล่ากลับเป็นเรื่องการตัดขาด
04:22
So very quicklyอย่างรวดเร็ว -- really about sixหก weeksสัปดาห์ที่ผ่านมา into this researchการวิจัย --
101
247000
3000
แค่เพียงไม่นาน ประมาณ6สัปดาห์หลังจากเริ่มงานวิจัย
04:25
I ranวิ่ง into this unnamedไม่มีชื่อ thing
102
250000
3000
ที่ฉันได้พบกับสิ่งไร้นิยามสิ่งนี้
04:28
that absolutelyอย่างแน่นอน unraveledหลุด connectionสัมพันธ์
103
253000
3000
ซึ่งช่วยเผยความลับของความสัมพันธ์
04:31
in a way that I didn't understandเข้าใจ or had never seenเห็น.
104
256000
3000
ในแบบที่ฉันไม่เข้าใจและไม่เคยเห็นมาก่อน
04:34
And so I pulledดึง back out of the researchการวิจัย
105
259000
2000
ฉันเลยถอยออกมาจากงานวิจัย
04:36
and thought, I need to figureรูป out what this is.
106
261000
3000
เพราะคิดว่าจะต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนว่าสิ่งนี้คืออะไร
04:39
And it turnedหัน out to be shameความอัปยศ.
107
264000
3000
ปรากฏว่าสิ่งนี้คือความละอาย
04:42
And shameความอัปยศ is really easilyอย่างง่ายดาย understoodเข้าใจ
108
267000
2000
ความละอายจริงๆแล้วเข้าใจได้ง่ายๆว่า
04:44
as the fearกลัว of disconnectionการปลด:
109
269000
2000
เป็นความกลัวการถูกตัดขาด
04:46
Is there something about me
110
271000
2000
มีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับฉันหรือเปล่า
04:48
that, if other people know it or see it,
111
273000
3000
ที่ถ้าคนอื่นได้รู้หรือได้เห็น
04:51
that I won'tเคยชิน be worthyคุ้มค่า of connectionสัมพันธ์?
112
276000
3000
แล้วฉันจะไม่มีค่าพอสำหรับความสัมพันธ์อีกต่อไป
04:54
The things I can tell you about it:
113
279000
2000
ความรู้สึกแบบนี้ ฉันบอกคุณได้เลยค่ะ
04:56
it's universalสากล; we all have it.
114
281000
2000
ว่ามันเป็นเรื่องปกติมาก เรามีกันทุกคน
04:58
The only people who don't experienceประสบการณ์ shameความอัปยศ
115
283000
2000
คนที่ไม่รู้จักความละอาย
05:00
have no capacityความจุ for humanเป็นมนุษย์ empathyการเอาใจใส่ or connectionสัมพันธ์.
116
285000
2000
จะไม่สามารถรู้สึกเห็นใจเพื่อนมนุษย์หรือว่าเข้าใจความสัมพันธ์ได้
05:02
No one wants to talk about it,
117
287000
2000
ไม่มีใครอยากจะพูดถึงเรื่องนี้
05:04
and the lessน้อยกว่า you talk about it the more you have it.
118
289000
3000
และยิ่งพูดถึงมันน้อยลงเท่าไหร่ คุณก็จะมีมันมากขึ้นเท่านั้น
05:09
What underpinnedการสนับสนุน this shameความอัปยศ,
119
294000
2000
สิ่งที่เป็นพื้นฐานของความละอาย
05:11
this "I'm not good enoughพอ," --
120
296000
2000
หรือความคิดที่ว่า"ฉันไม่ดีพอ"
05:13
whichที่ we all know that feelingความรู้สึก:
121
298000
2000
ซึ่งเราทุกคนรู้จักดี
05:15
"I'm not blankว่างเปล่า enoughพอ. I'm not thinผอม enoughพอ,
122
300000
2000
"ฉันไม่อะไรพอ ฉันไม่ผอมพอ
05:17
richรวย enoughพอ, beautifulสวย enoughพอ, smartฉลาด enoughพอ,
123
302000
2000
ไม่รวยพอ ไม่สวยพอ ไม่ฉลาดพอ
05:19
promotedการเลื่อนตำแหน่ง enoughพอ."
124
304000
2000
ไม่สำคัญพอ"
05:21
The thing that underpinnedการสนับสนุน this
125
306000
2000
สิ่งที่เป็นต้นเหตุสำคัญ
05:23
was excruciatingระทมทุกข์ vulnerabilityความอ่อนแอ,
126
308000
3000
คือความรู้สึกเปราะบางอย่างรุนแรง
05:26
this ideaความคิด of,
127
311000
2000
ความคิดที่ว่า
05:28
in orderใบสั่ง for connectionสัมพันธ์ to happenเกิดขึ้น,
128
313000
2000
เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์
05:30
we have to allowอนุญาต ourselvesตัวเรา to be seenเห็น,
129
315000
3000
เราต้องยอมให้คนอื่นเห็นตัวตนของเรา
05:33
really seenเห็น.
130
318000
2000
ตัวตนที่แท้จริง
05:35
And you know how I feel about vulnerabilityความอ่อนแอ. I hateเกลียด vulnerabilityความอ่อนแอ.
131
320000
3000
คุณก็รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับความเปราะบางทางใจ ฉันเกลียดความเปราะบาง
05:38
And so I thought, this is my chanceโอกาส
132
323000
2000
ฉันก็เลยคิดว่า นี่เป็นโอกาส
05:40
to beatตี it back with my measuringการวัด stickติด.
133
325000
3000
ที่ฉันจะใช้ไม้บรรทัดไล่ตีมันให้กระเจิง
05:43
I'm going in, I'm going to figureรูป this stuffสิ่ง out,
134
328000
3000
เป็นไงเป็นกัน ฉันจะต้องเข้าใจมันให้ได้
05:46
I'm going to spendใช้จ่าย a yearปี, I'm going to totallyโดยสิ้นเชิง deconstructแยกแยะ shameความอัปยศ,
135
331000
3000
ฉันจะใช้เวลาหนึ่งปี เพื่อวิเคราะห์ชำแหละความละอาย
05:49
I'm going to understandเข้าใจ how vulnerabilityความอ่อนแอ worksโรงงาน,
136
334000
2000
จะทำความเข้าใจว่า ความเปราะบางทางใจ ทำงานอย่างไร
05:51
and I'm going to outsmartชิงไหวชิงพริบ it.
137
336000
3000
และฉันจะเอาชนะมัน
05:54
So I was readyพร้อมแล้ว, and I was really excitedตื่นเต้น.
138
339000
3000
ค่ะ ตอนนั้นฉันรู้สึกพร้อม แล้วก็ตื่นเต้นมากๆ
05:59
As you know, it's not going to turnกลับ out well.
139
344000
2000
แน่ล่ะ มันไม่จบลงด้วยดีหรอก
06:01
(Laughterเสียงหัวเราะ)
140
346000
3000
(หัวเราะ)
06:04
You know this.
141
349000
2000
ดูก็รู้แล้ว
06:06
So, I could tell you a lot about shameความอัปยศ,
142
351000
2000
ถ้าให้ฉันพูดถึงเรื่องความละอาย
06:08
but I'd have to borrowยืม everyoneทุกคน else'sอื่น time.
143
353000
2000
ฉันคงพูดได้ยาวจนกินเวลาของผู้บรรยายคนอื่นๆ
06:10
But here'sนี่คือ what I can tell you that it boilsเดือด down to --
144
355000
3000
แต่นี่คือใจความสำคัญที่ฉันอยากจะบอกคุณ
06:13
and this mayอาจ be one of the mostมากที่สุด importantสำคัญ things that I've ever learnedได้เรียนรู้
145
358000
3000
สิ่งนี้อาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ฉันได้เรียนรู้
06:16
in the decadeทศวรรษ of doing this researchการวิจัย.
146
361000
3000
ตลอดทศวรรษที่ฉันทำวิจัยมา
06:19
My one yearปี
147
364000
2000
เวลาหนึ่งปีของฉัน
06:21
turnedหัน into sixหก yearsปี:
148
366000
2000
กลายเป็นหกปี
06:23
thousandsพัน of storiesเรื่องราว,
149
368000
2000
เรื่องราวเป็นพันๆเรื่อง
06:25
hundredsหลายร้อย of long interviewsการสัมภาษณ์, focusโฟกัส groupsกลุ่ม.
150
370000
3000
การสัมภาษณ์ การประชุมกลุ่มย่อยเป็นร้อยๆ
06:28
At one pointจุด, people were sendingการส่ง me journalวารสาร pagesหน้า
151
373000
2000
ช่วงหนึ่ง บางคนถึงกับส่งบันทึกส่วนตัวมาให้
06:30
and sendingการส่ง me theirของพวกเขา storiesเรื่องราว --
152
375000
3000
และส่งเรื่องราวของพวกเขาให้ฉัน
06:33
thousandsพัน of piecesชิ้น of dataข้อมูล in sixหก yearsปี.
153
378000
3000
ข้อมูลเป็นพันๆในเวลาหกปี
06:36
And I kindชนิด of got a handleจัดการ on it.
154
381000
2000
ทำให้ฉันเข้าใจระดับนึง
06:38
I kindชนิด of understoodเข้าใจ, this is what shameความอัปยศ is,
155
383000
2000
ฉันเหมือนจะเข้าใจว่านี่แหละคือความละอาย
06:40
this is how it worksโรงงาน.
156
385000
2000
นี่แหละคือวิธีที่มันทำงาน
06:42
I wroteเขียน a bookหนังสือ,
157
387000
2000
ฉันเขียนหนังสือ
06:44
I publishedการตีพิมพ์ a theoryทฤษฎี,
158
389000
2000
ฉันตีพิมพ์ทฤษฎี
06:46
but something was not okay --
159
391000
3000
แต่ว่ามีบางอย่างที่มันไม่ใช่
06:49
and what it was is that,
160
394000
2000
และสิ่งที่ว่านั่นคือ
06:51
if I roughlyลวก tookเอา the people I interviewedสัมภาษณ์
161
396000
2000
ถ้าฉันนำคนที่ฉันสัมภาษณ์
06:53
and dividedแบ่งแยกออกจากกัน them into people
162
398000
3000
มาแบ่งคร่าวๆโดยใช้เกณฑ์ที่ว่า
06:56
who really have a senseความรู้สึก of worthinessความคุ้มค่า --
163
401000
3000
ใครรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเอง
06:59
that's what this comesมา down to,
164
404000
2000
นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ
07:01
a senseความรู้สึก of worthinessความคุ้มค่า --
165
406000
2000
ความรู้สึกว่าตัวเองมีค่า
07:03
they have a strongแข็งแรง senseความรู้สึก of love and belongingซึ่งเป็นของ --
166
408000
3000
พวกเขารู้สึกถึงความรักและความผูกพัน
07:06
and folksคน who struggleการต่อสู้ for it,
167
411000
2000
และอีกกลุ่มที่ต้องพยายามดิ้นรนหามัน
07:08
and folksคน who are always wonderingสงสัย if they're good enoughพอ.
168
413000
2000
คนที่มักจะสงสัยว่าตัวเองดีพอมั้ย
07:10
There was only one variableตัวแปร
169
415000
2000
มันมีแค่ตัวแปรเดียว
07:12
that separatedแยกออกจากกัน the people who have
170
417000
2000
ที่แยกคนที่มี
07:14
a strongแข็งแรง senseความรู้สึก of love and belongingซึ่งเป็นของ
171
419000
2000
ความรู้สึกรักและผูกพัน
07:16
and the people who really struggleการต่อสู้ for it.
172
421000
2000
ออกจากคนที่ต้องต่อสู้เพื่อความรู้สึกเหล่านั้น
07:18
And that was, the people who have
173
423000
2000
และตัวแปรนั้นคือ คนที่รู้สึกถึง
07:20
a strongแข็งแรง senseความรู้สึก of love and belongingซึ่งเป็นของ
174
425000
2000
ความรักและความผูกพัน
07:22
believe they're worthyคุ้มค่า of love and belongingซึ่งเป็นของ.
175
427000
3000
เชื่อว่าตัวเองมีค่าสำหรับความรักและความผูกพัน
07:25
That's it.
176
430000
2000
แค่นั้นเอง
07:27
They believe they're worthyคุ้มค่า.
177
432000
2000
พวกเขาเชื่อว่าเขามีค่าพอ
07:30
And to me, the hardยาก partส่วนหนึ่ง
178
435000
3000
และสำหรับฉัน ส่วนสำคัญที่สุด
07:33
of the one thing that keepsช่วยให้ us out of connectionสัมพันธ์
179
438000
3000
ที่ทำให้เราขาดความสัมพันธ์
07:36
is our fearกลัว that we're not worthyคุ้มค่า of connectionสัมพันธ์,
180
441000
3000
คือความกลัวว่าเราไม่มีค่าพอสำหรับความสัมพันธ์นั้นๆ
07:39
was something that, personallyส่วนตัว and professionallyเป็นอาชีพ,
181
444000
2000
ทั้งในมุมมองส่วนตัวและทางวิชาการ
07:41
I feltรู้สึกว่า like I neededจำเป็น to understandเข้าใจ better.
182
446000
3000
มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการเข้าใจมากขึ้น
07:44
So what I did
183
449000
3000
ฉันก็เลย
07:47
is I tookเอา all of the interviewsการสัมภาษณ์
184
452000
2000
เอาบทสัมภาษณ์ทั้งหมดมา
07:49
where I saw worthinessความคุ้มค่า, where I saw people livingการดำรงชีวิต that way,
185
454000
3000
ตรงไหนที่ฉันเห็นความรู้สึกมีค่า ตรงไหนที่ฉันเห็นคนใช้ชีวิตอย่างนั้น
07:52
and just lookedมอง at those.
186
457000
3000
และดูเฉพาะตรงนั้น
07:55
What do these people have in commonร่วมกัน?
187
460000
2000
คนเหล่านี้มีอะไรเหมือนกัน
07:57
I have a slightเล็กน้อย officeสำนักงาน supplyจัดหา addictionติดยาเสพติด,
188
462000
2000
ฉันเป็นโรคบ้าเครื่องใช้สำนักงานอยู่นิดๆค่ะ
07:59
but that's anotherอื่น talk.
189
464000
3000
แต่ว่านั่นเป็นอีกการบรรยายได้อีกเรื่อง
08:02
So I had a manilaมะนิลา folderโฟลเดอร์, and I had a Sharpiesharpie,
190
467000
3000
ฉันมีแฟ้มกระดาษมะนิลา แล้วก็มีปากกาสี
08:05
and I was like, what am I going to call this researchการวิจัย?
191
470000
2000
แล้วฉันก็แบบ จะเรียกงานวิจัยนี้ว่าอะไรดีนะ
08:07
And the first wordsคำ that cameมา to my mindใจ
192
472000
2000
แล้วคำแรกที่นึกออก
08:09
were whole-heartedทั้งใจ.
193
474000
2000
คือคำว่า เต็มใจ
08:11
These are whole-heartedทั้งใจ people, livingการดำรงชีวิต from this deepลึก senseความรู้สึก of worthinessความคุ้มค่า.
194
476000
3000
คนพวกนี้เป็นคนเต็มใจ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกมีค่า
08:14
So I wroteเขียน at the topด้านบน of the manilaมะนิลา folderโฟลเดอร์,
195
479000
3000
ฉันเลยเขียนที่หัวแฟ้มกระดาษมะนิลา
08:17
and I startedเริ่มต้น looking at the dataข้อมูล.
196
482000
2000
และเริ่มดูข้อมูล
08:19
In factความจริง, I did it first
197
484000
2000
จริงๆแล้ว ฉันดูข้อมูลก่อน
08:21
in a four-dayสี่วัน
198
486000
2000
ใช้เวลาสี่วัน
08:23
very intensiveเข้ม dataข้อมูล analysisการวิเคราะห์,
199
488000
3000
กับการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเข้มข้น
08:26
where I wentไป back, pulledดึง these interviewsการสัมภาษณ์, pulledดึง the storiesเรื่องราว, pulledดึง the incidentsเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.
200
491000
3000
ที่ฉันกลับไป หาข้อมูลสัมภาษณ์ หาเรื่องเล่า หาเหตุการณ์
08:29
What's the themeกระทู้? What's the patternแบบแผน?
201
494000
3000
อะไรคือใจความสำคัญ อะไรคือรูปแบบ
08:32
My husbandสามี left townตัวเมือง with the kidsเด็ก
202
497000
3000
สามีของฉันออกจากเมืองไปกับลูกๆ
08:35
because I always go into this Jacksonแจ็คสัน PollockPollock crazyบ้า thing,
203
500000
3000
เพราะฉันมักจะเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งแบบแจ็กสัน โพลล็อก
08:38
where I'm just like writingการเขียน
204
503000
2000
เวลาที่ฉันเอาแต่เขียน
08:40
and in my researcherนักวิจัย modeโหมด.
205
505000
3000
และอยู่ในอารมณ์นักวิจัย
08:43
And so here'sนี่คือ what I foundพบ.
206
508000
2000
และนี่คือสิ่งที่ฉันค้นพบค่ะ
08:47
What they had in commonร่วมกัน
207
512000
2000
สิ่งที่คนเหล่านี้มีเหมือนกัน
08:49
was a senseความรู้สึก of courageความกล้าหาญ.
208
514000
2000
คือความกล้า(courage)
08:51
And I want to separateแยก courageความกล้าหาญ and braveryความกล้าหาญ for you for a minuteนาที.
209
516000
3000
ฉันอยากจะแยกความกล้า(courage)กับความองอาจ(bravery)ก่อน
08:54
Courageความกล้าหาญ, the originalเป็นต้นฉบับ definitionคำนิยาม of courageความกล้าหาญ,
210
519000
2000
ความกล้า(courage)ในความหมายดั้งเดิม
08:56
when it first cameมา into the Englishอังกฤษ languageภาษา --
211
521000
2000
เมื่อตอนที่คำนี้เข้ามาในภาษาอังกฤษตอนแรกๆ
08:58
it's from the Latinละติน wordคำ corคร, meaningความหมาย heartหัวใจ --
212
523000
3000
มันมาจากภาษาละติน cor แปลว่า หัวใจ
09:01
and the originalเป็นต้นฉบับ definitionคำนิยาม
213
526000
2000
และความหมายดั้งเดิม
09:03
was to tell the storyเรื่องราว of who you are with your wholeทั้งหมด heartหัวใจ.
214
528000
3000
คือการเล่าเรื่องราวของตัวเราด้วยหัวใจทั้งดวง
09:06
And so these folksคน
215
531000
2000
คนเหล่านี้
09:08
had, very simplyง่ายดาย, the courageความกล้าหาญ
216
533000
2000
สรุปง่ายๆว่า มีความกล้า
09:10
to be imperfectไม่สมบูรณ์.
217
535000
2000
ที่จะบกพร่อง
09:13
They had the compassionความเห็นอกเห็นใจ
218
538000
2000
เขาเหล่านี้รู้จักรักตัวเองก่อน
09:15
to be kindชนิด to themselvesตัวเอง first and then to othersคนอื่น ๆ,
219
540000
3000
แล้วจึงเอาใจใส่คนอื่น
09:18
because, as it turnsผลัดกัน out, we can't practiceการปฏิบัติ compassionความเห็นอกเห็นใจ with other people
220
543000
3000
เพราะความจริงที่ว่า เราไม่สามารถรักคนอื่นได้
09:21
if we can't treatรักษา ourselvesตัวเรา kindlyกรุณา.
221
546000
3000
ถ้าเราไม่มีความเมตตาต่อตัวเองก่อน
09:24
And the last was they had connectionสัมพันธ์,
222
549000
2000
และสุดท้ายคือ พวกเขามีความสัมพันธ์
09:26
and -- this was the hardยาก partส่วนหนึ่ง --
223
551000
2000
และนี่คือส่วนที่ยาก
09:28
as a resultผล of authenticityของแท้,
224
553000
3000
เพราะความจริงใจ
09:31
they were willingเต็มใจ to let go of who they thought they should be
225
556000
3000
พวกเขายอมทิ้งตัวตนที่เขาคิดว่าเขาควรจะเป็น
09:34
in orderใบสั่ง to be who they were,
226
559000
2000
เพื่อจะเป็นตัวเอง
09:36
whichที่ you have to absolutelyอย่างแน่นอน do that
227
561000
3000
ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ
09:39
for connectionสัมพันธ์.
228
564000
2000
ในการสร้างความสัมพันธ์
09:43
The other thing that they had in commonร่วมกัน
229
568000
2000
อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกัน
09:45
was this:
230
570000
2000
คือสิ่งนี้
09:50
They fullyอย่างเต็มที่ embracedกอด vulnerabilityความอ่อนแอ.
231
575000
3000
พวกเขาเต็มใจยอมรับความเปราะบางทางใจ
09:55
They believedเชื่อว่า
232
580000
3000
พวกเขาเชื่อว่า
09:58
that what madeทำ them vulnerableอ่อนแอ
233
583000
3000
สิ่งที่ทำให้เขาเปราะบาง
10:01
madeทำ them beautifulสวย.
234
586000
2000
ทำให้เขางดงาม
10:05
They didn't talk about vulnerabilityความอ่อนแอ
235
590000
2000
พวกเขาไม่ได้พูดถึงความเปราะบาง
10:07
beingกำลัง comfortableสบาย,
236
592000
2000
ว่าเป็นสิ่งที่ง่ายดาย
10:09
norไม่ did they really talk about it beingกำลัง excruciatingระทมทุกข์ --
237
594000
3000
แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ามันเจ็บปวด
10:12
as I had heardได้ยิน it earlierก่อน in the shameความอัปยศ interviewingสัมภาษณ์.
238
597000
2000
เหมือนจากในการสัมภาษณ์เรื่องความละอายก่อนหน้านี้
10:14
They just talkedพูดคุย about it beingกำลัง necessaryจำเป็น.
239
599000
3000
พวกเขาแค่บอกว่ามันจำเป็น
10:18
They talkedพูดคุย about the willingnessความเต็มใจ
240
603000
2000
พวกเขาพูดถึงความสมัครใจ
10:20
to say, "I love you" first,
241
605000
3000
ที่จะบอกว่า"ฉันรักคุณ"ก่อน
10:23
the willingnessความเต็มใจ
242
608000
3000
ความสมัครใจ
10:26
to do something
243
611000
2000
ที่จะทำอะไร
10:28
where there are no guaranteesการค้ำประกัน,
244
613000
3000
ที่ไม่มีการประกันผล
10:31
the willingnessความเต็มใจ
245
616000
2000
ความสมัครใจ
10:33
to breatheหายใจ throughตลอด waitingที่รอ for the doctorคุณหมอ to call
246
618000
2000
ที่จะรอโทรศัพท์จากคุณหมอ
10:35
after your mammogramการคัดกรอง.
247
620000
2000
หลังจากที่ไปตรวจมะเร็งเต้านม
10:38
They're willingเต็มใจ to investลงทุน in a relationshipความสัมพันธ์
248
623000
3000
พวกเขาสมัครใจที่จะลงทุนในความสัมพันธ์
10:41
that mayอาจ or mayอาจ not work out.
249
626000
3000
ที่ไม่แน่ว่าจะงอกงาม
10:44
They thought this was fundamentalพื้นฐาน.
250
629000
3000
พวกเขาคิดว่านี่เป็นเรื่องพื้นฐาน
10:47
I personallyส่วนตัว thought it was betrayalการทรยศ.
251
632000
3000
ส่วนตัวแล้ว ฉันคิดว่ามันเป็นการหักหลัง
10:50
I could not believe I had pledgedให้คำมั่นสัญญา allegianceความจงรักภักดี
252
635000
3000
ฉันไม่อยากเชื่อว่าฉันสาบานจะอุทิศตน
10:53
to researchการวิจัย, where our jobงาน --
253
638000
2000
ให้กับการวิจัยไปแล้ว
10:55
you know, the definitionคำนิยาม of researchการวิจัย
254
640000
2000
เพราะคำนิยามของการวิจัย
10:57
is to controlควบคุม and predictทำนาย, to studyศึกษา phenomenaปรากฏการณ์,
255
642000
3000
คือการควบคุมและพยากรณ์ เพื่อศึกษาปรากฏการณ์
11:00
for the explicitชัดเจน reasonเหตุผล
256
645000
2000
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ
11:02
to controlควบคุม and predictทำนาย.
257
647000
2000
ควบคุมและพยากรณ์ต่อไป
11:04
And now my missionหน้าที่
258
649000
2000
แล้วตอนนี้ภารกิจของฉัน
11:06
to controlควบคุม and predictทำนาย
259
651000
2000
ที่จะควบคุมและพยากรณ์
11:08
had turnedหัน up the answerตอบ that the way to liveมีชีวิต is with vulnerabilityความอ่อนแอ
260
653000
3000
ให้คำตอบมาว่า วิธีใช้ชีวิตคือการยอมรับความเปราะบางทางใจ
11:11
and to stop controllingการควบคุม and predictingทำนาย.
261
656000
3000
หยุดควบคุม หยุดพยากรณ์
11:14
This led to a little breakdownชำรุด --
262
659000
3000
สิ่งนี้นำไปสู่อาการประสาทเสียเล็กๆ
11:17
(Laughterเสียงหัวเราะ)
263
662000
4000
(หัวเราะ)
11:21
-- whichที่ actuallyแท้จริง lookedมอง more like this.
264
666000
3000
ซึ่งที่จริงดูเหมือนอย่างนี้มากกว่า
11:24
(Laughterเสียงหัวเราะ)
265
669000
2000
(หัวเราะ)
11:26
And it did.
266
671000
2000
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
11:28
I call it a breakdownชำรุด; my therapistนักบำบัดโรค callsโทร it a spiritualมโนมัย awakeningการกระตุ้น.
267
673000
3000
ฉันเรียกมันว่าอาการป่วยทางจิต นักจิตบำบัดของฉันเรียกมันว่าการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ
11:32
A spiritualมโนมัย awakeningการกระตุ้น soundsเสียง better than breakdownชำรุด,
268
677000
2000
การตื่นรู้ทางจิตวิญญาณฟังดูดีกว่าอาการป่วยทางจิต
11:34
but I assureรับประกัน you it was a breakdownชำรุด.
269
679000
2000
แต่ฉันยืนยันได้ค่ะ ว่ามันคืออาการป่วยทางจิต
11:36
And I had to put my dataข้อมูล away and go find a therapistนักบำบัดโรค.
270
681000
2000
ฉันต้องเลิกดูข้อมูล แล้วก็หานักจิตบำบัด
11:38
Let me tell you something: you know who you are
271
683000
3000
จะบอกอะไรให้ค่ะ คุณรู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร
11:41
when you call your friendsเพื่อน and say, "I think I need to see somebodyบางคน.
272
686000
3000
เมื่อโทรหาเพื่อนๆ แล้วบอกว่า "ฉันคิดว่าฉันต้องไปหานักจิตบำบัด
11:44
Do you have any recommendationsคำแนะนำ?"
273
689000
3000
มีใครแนะนำมั้ย"
11:47
Because about fiveห้า of my friendsเพื่อน were like,
274
692000
2000
เพราะว่าเพื่อนของฉันประมาณห้าคนบอกว่า
11:49
"Wooowooo. I wouldn'tจะไม่ want to be your therapistนักบำบัดโรค."
275
694000
2000
"อู่ย ฉันไม่อยากเป็นนักจิตบำบัดของเธอหรอก"
11:51
(Laughterเสียงหัวเราะ)
276
696000
3000
(หัวเราะ)
11:54
I was like, "What does that mean?"
277
699000
2000
ฉันว่า"หมายความว่ายังไง"
11:56
And they're like, "I'm just sayingคำพูด, you know.
278
701000
3000
แล้วพวกเขาก็บอกว่า"เปล่า ก็นะ
11:59
Don't bringนำมาซึ่ง your measuringการวัด stickติด."
279
704000
2000
อย่าพกไม้บรรทัดไปด้วยแล้วกัน"
12:01
I was like, "Okay."
280
706000
3000
ฉันก็เลย"โอเค"
12:06
So I foundพบ a therapistนักบำบัดโรค.
281
711000
2000
หลังจากฉันก็หานักจิตบำบัดเจอ
12:08
My first meetingการประชุม with her, Dianaเจ้าหญิงไดอาน่า --
282
713000
3000
ตอนที่ฉันเจอเธอครั้งแรก ไดอะน่า
12:11
I broughtนำ in my listรายการ
283
716000
2000
ฉันเอารายการ
12:13
of the way the whole-heartedทั้งใจ liveมีชีวิต, and I satกกท. down.
284
718000
3000
ของวิธีใช้ชีวิตของคนเต็มใจไปด้วย แล้วฉันก็นั่งลง
12:16
And she said, "How are you?"
285
721000
2000
เธอถามว่า"เป็นยังไงบ้างคะ"
12:18
And I said, "I'm great. I'm okay."
286
723000
3000
ฉันบอกว่า"สบายดีค่ะ โอเคค่ะ"
12:21
She said, "What's going on?"
287
726000
2000
เธอถาม"มีเรื่องอะไรเหรอคะ"
12:23
And this is a therapistนักบำบัดโรค who seesเห็น therapistsนักบำบัด,
288
728000
3000
เธอเป็นนักจิตบำบัดสำหรับนักจิตบำบัด
12:26
because we have to go to those,
289
731000
2000
เพราะพวกเราก็ต้องไปหาผู้เชี่ยวชาญ
12:28
because theirของพวกเขา B.S. metersเมตร are good.
290
733000
3000
เพราะเขาจับความตอแหลได้เก่ง
12:31
(Laughterเสียงหัวเราะ)
291
736000
2000
(หัวเราะ)
12:33
And so I said,
292
738000
2000
ฉันเลยบอกว่า
12:35
"Here'sต่อไปนี้คือ the thing, I'm strugglingการดิ้นรน."
293
740000
2000
"คืออย่างนี้ค่ะ ฉันมีปัญหาใหญ่"
12:37
And she said, "What's the struggleการต่อสู้?"
294
742000
2000
เธอพูดว่า"ปัญหาอะไรคะ"
12:39
And I said, "Well, I have a vulnerabilityความอ่อนแอ issueปัญหา.
295
744000
3000
ฉันตอบว่า "คือ ปัญหากับความเปราะบางทางใจค่ะ
12:42
And I know that vulnerabilityความอ่อนแอ is the coreแกน
296
747000
3000
และฉันรู้ว่าความเปราะบางทางใจ เป็นแก่นแท้
12:45
of shameความอัปยศ and fearกลัว
297
750000
2000
ของความละอายและความกลัว
12:47
and our struggleการต่อสู้ for worthinessความคุ้มค่า,
298
752000
2000
และของการดิ้นรนเพื่อความมีค่า
12:49
but it appearsปรากฏ that it's alsoด้วย the birthplaceบ้านเกิด
299
754000
3000
แต่ปรากฏว่ามันก็เป็นจุดกำเนิด
12:52
of joyความปิติยินดี, of creativityความคิดสร้างสรรค์,
300
757000
3000
ของความสุข และความสร้างสรรค์
12:55
of belongingซึ่งเป็นของ, of love.
301
760000
2000
ของความผูกพัน ของความรัก
12:57
And I think I have a problemปัญหา,
302
762000
2000
และฉันคิดว่า ฉันมีปัญหา
12:59
and I need some help."
303
764000
3000
และฉันต้องการความช่วยเหลือค่ะ"
13:02
And I said, "But here'sนี่คือ the thing:
304
767000
2000
และฉันบอกว่า "แต่ขออย่างนึง
13:04
no familyครอบครัว stuffสิ่ง,
305
769000
2000
ไม่เอาเรื่องครอบครัว
13:06
no childhoodวัยเด็ก shitอึ."
306
771000
2000
หรือเรื่องน้ำเน่าวัยเด็ก"
13:08
(Laughterเสียงหัวเราะ)
307
773000
2000
(หัวเราะ)
13:10
"I just need some strategiesกลยุทธ์."
308
775000
3000
"ฉันแค่ต้องการแผน"
13:13
(Laughterเสียงหัวเราะ)
309
778000
4000
(หัวเราะ)
13:17
(Applauseการปรบมือ)
310
782000
3000
(ปรบมือ)
13:20
Thank you.
311
785000
2000
ขอบคุณค่ะ
13:24
So she goesไป like this.
312
789000
3000
เธอก็ทำท่านี้
13:27
(Laughterเสียงหัวเราะ)
313
792000
2000
(หัวเราะ)
13:29
And then I said, "It's badไม่ดี, right?"
314
794000
3000
ฉันเลยบอกว่า"แย่มาก ใช่มั้ยคะ"
13:32
And she said, "It's neitherค่า good norไม่ badไม่ดี."
315
797000
3000
เธอบอกว่า"ไม่ดีหรือไม่ร้ายหรอกค่ะ"
13:35
(Laughterเสียงหัวเราะ)
316
800000
2000
(หัวเราะ)
13:37
"It just is what it is."
317
802000
2000
"มันก็เป็นอย่างที่มันเป็นค่ะ"
13:39
And I said, "Oh my God, this is going to suckดูด."
318
804000
3000
ฉันเลยว่า"โอ้พระเจ้า ซวยแน่คราวนี้"
13:42
(Laughterเสียงหัวเราะ)
319
807000
3000
(หัวเราะ)
13:45
And it did, and it didn't.
320
810000
2000
แล้วมันก็แย่ และก็ไม่แย่
13:47
And it tookเอา about a yearปี.
321
812000
3000
ใช้เวลาประมาณหนึ่งปี
13:50
And you know how there are people
322
815000
2000
มีคนบางคน
13:52
that, when they realizeตระหนักถึง that vulnerabilityความอ่อนแอ and tendernessความนุ่ม are importantสำคัญ,
323
817000
3000
ที่เมื่อเข้าใจว่าความเปราะบางทางใจ และความอะเอียดอ่อนเป็นสิ่งสำคัญ
13:55
that they surrenderยอมจำนน and walkเดิน into it.
324
820000
3000
พวกเขายอมรับมันด้วยความเต็มใจ
13:58
A: that's not me,
325
823000
2000
หนึ่ง นั่นไม่ใช่ฉันค่ะ
14:00
and B: I don't even hangแขวน out with people like that.
326
825000
3000
และ สอง ฉันไม่สุงสิงกับคนแบบนั้น
14:03
(Laughterเสียงหัวเราะ)
327
828000
3000
(หัวเราะ)
14:06
For me, it was a yearlongตั้งปี streetถนน fightสู้.
328
831000
3000
สำหรับฉัน มันเป็นหนึ่งปีของการต่อสู้อย่างนักเลงข้างถนน
14:09
It was a slugfestslugfest.
329
834000
2000
ชกกันจนน่วม
14:11
Vulnerabilityความอ่อนแอ pushedผลักดัน, I pushedผลักดัน back.
330
836000
2000
ความเปราะบางทางใจชกมา ฉันก็ชกตอบ
14:13
I lostสูญหาย the fightสู้,
331
838000
3000
ฉันแพ้การต่อสู้นั้น
14:16
but probablyอาจ wonวอน my life back.
332
841000
2000
แต่ก็ได้ชีวิตกลับคืนมา
14:18
And so then I wentไป back into the researchการวิจัย
333
843000
2000
แล้วฉันถึงได้กลับไปทำงานวิจัยอีก
14:20
and spentการใช้จ่าย the nextต่อไป coupleคู่ of yearsปี
334
845000
2000
และใช้เวลาปีสองสามปีถัดมา
14:22
really tryingพยายาม to understandเข้าใจ what they, the whole-heartedทั้งใจ,
335
847000
3000
พยายามที่ทำความเข้าใจจริงๆว่า พวกคนเต็มใจนั้น
14:25
what choicesตัวเลือก they were makingการทำ,
336
850000
2000
เขาตัดสินใจอย่างไร
14:27
and what are we doing
337
852000
2000
แล้วเรากำลังทำอะไร
14:29
with vulnerabilityความอ่อนแอ.
338
854000
2000
กับความเปราะบางทางใจ
14:31
Why do we struggleการต่อสู้ with it so much?
339
856000
2000
ทำไมการต่อสู้กับมันถึงได้ยากลำบากนัก
14:33
Am I aloneคนเดียว in strugglingการดิ้นรน with vulnerabilityความอ่อนแอ?
340
858000
3000
มีฉันคนเดียวหรือเปล่าที่ต้องต่อสู้กับความเปราะบาง
14:36
No.
341
861000
2000
ไม่
14:38
So this is what I learnedได้เรียนรู้.
342
863000
2000
แล้วนี่ก็คือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้
14:41
We numbมึน vulnerabilityความอ่อนแอ --
343
866000
3000
เราเมินเฉยต่อความเปราะบางทางใจ
14:44
when we're waitingที่รอ for the call.
344
869000
2000
เวลาที่เรารอโทรศัพท์แจ้งผล
14:46
It was funnyตลก, I sentส่ง something out on Twitterพูดเบาและรวดเร็ว and on FacebookFacebook
345
871000
2000
ตลกดีค่ะ ฉันโพสบนTwitterกับFacebook
14:48
that saysกล่าวว่า, "How would you defineกำหนด vulnerabilityความอ่อนแอ?
346
873000
2000
ถามว่า"คุณนิยามคำว่า 'ความเปราะบางทางใจ' อย่างไร
14:50
What makesยี่ห้อ you feel vulnerableอ่อนแอ?"
347
875000
2000
อะไรทำให้คุณรู้สึกเปราะบาง"
14:52
And withinภายใน an hourชั่วโมง and a halfครึ่ง, I had 150 responsesการตอบสนอง.
348
877000
3000
และภายในเวลาชั่วโมงครึ่ง มีคนตอบกลับมา150คำตอบ
14:55
Because I wanted to know
349
880000
2000
เพราะฉันอยากรู้ว่า
14:57
what's out there.
350
882000
2000
คนเขาคิดอะไรกัน
15:00
Havingมี to askถาม my husbandสามี for help
351
885000
2000
การขอให้สามีช่วย
15:02
because I'm sickป่วย, and we're newlyใหม่ marriedแต่งงาน;
352
887000
3000
เพราะฉันป่วย และเราเพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ
15:05
initiatingการเริ่มต้น sexเพศ with my husbandสามี;
353
890000
3000
การชวนสามีให้มีเซ็กส์
15:08
initiatingการเริ่มต้น sexเพศ with my wifeภรรยา;
354
893000
2000
การชวนภรรยาให้มีเซ็กส์
15:10
beingกำลัง turnedหัน down; askingถาม someoneบางคน out;
355
895000
3000
การถูกปฏิเสธ เมื่อขอเป็นแฟน
15:13
waitingที่รอ for the doctorคุณหมอ to call back;
356
898000
2000
การรอโทรศัพท์จากโรงพยาบาล
15:15
gettingได้รับ laidได้ปล่อยแล้ว off; layingการวาง off people --
357
900000
3000
การโดนไล่ออก การไล่คนออก
15:18
this is the worldโลก we liveมีชีวิต in.
358
903000
2000
นี่คือโลกที่เราอาศัยอยู่ค่ะ
15:20
We liveมีชีวิต in a vulnerableอ่อนแอ worldโลก.
359
905000
3000
เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความเปราะบาง(ทางใจ)
15:23
And one of the waysวิธี we dealจัดการ with it
360
908000
2000
และวิธีหนึ่งที่เราใช้จัดการกับมัน
15:25
is we numbมึน vulnerabilityความอ่อนแอ.
361
910000
2000
คือเมินเฉยต่อความเปราะบางฯ
15:27
And I think there's evidenceหลักฐาน --
362
912000
2000
และฉันคิดว่ามีหลักฐานค่ะ
15:29
and it's not the only reasonเหตุผล this evidenceหลักฐาน existsที่มีอยู่,
363
914000
2000
แม้ว่ามันจะไม่ใช่เหตุผลเดียว
15:31
but I think it's a hugeใหญ่ causeสาเหตุ --
364
916000
2000
แต่ฉันเชื่อว่ามันเป็นสาเหตุหลัก
15:33
we are the mostมากที่สุด in-debtเป็นหนี้,
365
918000
4000
ที่พวกเราเป็นหนี้
15:37
obeseอ้วน,
366
922000
3000
น้ำหนักเกิน
15:40
addictedติดยาเสพติด and medicatedซึ่งมีเชื้อยา
367
925000
3000
เสพสารและใช้ยา
15:43
adultผู้ใหญ่ cohortหมู่คน in U.S. historyประวัติศาสตร์.
368
928000
2000
มากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา
15:48
The problemปัญหา is -- and I learnedได้เรียนรู้ this from the researchการวิจัย --
369
933000
3000
ฉันได้เรียนรู้จากงานวิจัยว่าปัญหาคือ
15:51
that you cannotไม่ได้ selectivelyโดยการคัดเลือก numbมึน emotionอารมณ์.
370
936000
3000
คุณไม่สามารถเลือกเมินเฉยต่ออารมณ์เป็นอย่างๆได้
15:55
You can't say, here'sนี่คือ the badไม่ดี stuffสิ่ง.
371
940000
3000
คุณไม่สามารถบอกว่า นี่เป็นสิ่งไม่ดี
15:58
Here'sต่อไปนี้คือ vulnerabilityความอ่อนแอ, here'sนี่คือ griefความเศร้าโศก, here'sนี่คือ shameความอัปยศ,
372
943000
2000
นี่คือความเปราะบางทางใจ นี่คือความเศร้า นี่คือความละอาย
16:00
here'sนี่คือ fearกลัว, here'sนี่คือ disappointmentความผิดหวัง.
373
945000
2000
นี่คือความกลัว นี่คือความผิดหวัง
16:02
I don't want to feel these.
374
947000
2000
ฉันไม่อยากรู้สึกสิ่งพวกนี้
16:04
I'm going to have a coupleคู่ of beersเบียร์ and a bananaกล้วย nutถั่ว muffinมัฟฟิน.
375
949000
3000
ฉันจะกินเบียร์สักสองสามแก้วกับมัฟฟินกล้วยหอมกับถั่ว
16:07
(Laughterเสียงหัวเราะ)
376
952000
2000
(หัวเราะ)
16:09
I don't want to feel these.
377
954000
2000
ฉันไม่อยากรู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้
16:11
And I know that's knowingรู้ดี laughterเสียงหัวเราะ.
378
956000
2000
ฉันรู้นะคะว่านั่นเป็นเสียงหัวเราะอย่างเข้าใจ
16:13
I hackสับ into your livesชีวิต for a livingการดำรงชีวิต.
379
958000
3000
ฉันเลี้ยงชีพด้วยการวิเคราะห์ชีวิตพวกคุณ
16:16
God.
380
961000
2000
พระเจ้า
16:18
(Laughterเสียงหัวเราะ)
381
963000
2000
(หัวเราะ)
16:20
You can't numbมึน those hardยาก feelingsความรู้สึก
382
965000
3000
คุณไม่สามารถเมินเฉยต่อความรู้สึกแย่ๆเหล่านั้นได้
16:23
withoutไม่มี numbingการทำให้มึนงง the other affectsส่งผลกระทบต่อ, our emotionsอารมณ์.
383
968000
2000
โดยไม่เฉยชาต่ออารมณ์อื่นๆของเราไปด้วย
16:25
You cannotไม่ได้ selectivelyโดยการคัดเลือก numbมึน.
384
970000
2000
คุณไม่สามารถเลือกเฉยชาเป็นอย่างๆได้
16:27
So when we numbมึน those,
385
972000
3000
ดังนั้น เวลาที่เราเฉยชาต่อสิ่งเหล่านั้น
16:30
we numbมึน joyความปิติยินดี,
386
975000
2000
เราเฉยชาต่อความปิติ
16:32
we numbมึน gratitudeความกตัญญู,
387
977000
2000
เราเฉยชาต่อความตื้นตันใจ
16:34
we numbมึน happinessความสุข.
388
979000
2000
เราเฉยชาต่อความสุข
16:36
And then we are miserableอนาถ,
389
981000
3000
แล้วเราก็เลยทุกข์
16:39
and we are looking for purposeวัตถุประสงค์ and meaningความหมาย,
390
984000
2000
เมื่อเรามองหาจุดมุ่งหมายและความหมายของชีวิต
16:41
and then we feel vulnerableอ่อนแอ,
391
986000
2000
เราจึงรู้สึกเปราะบาง
16:43
so then we have a coupleคู่ of beersเบียร์ and a bananaกล้วย nutถั่ว muffinมัฟฟิน.
392
988000
3000
แล้วเราก็ดื่มเบียร์ กินมัฟฟินกล้วยกับถั่ว
16:46
And it becomesกลายเป็น this dangerousเป็นอันตราย cycleวงจร.
393
991000
3000
แล้วมันก็กลายเป็นวัฏจักรอันตราย
16:51
One of the things that I think we need to think about
394
996000
3000
สิ่งหนึ่งที่เราต้องคิดถึง
16:54
is why and how we numbมึน.
395
999000
2000
คือเราเฉยชาทำไมและอย่างไร
16:56
And it doesn't just have to be addictionติดยาเสพติด.
396
1001000
3000
และมันไม่จำเป็นต้องเป็นการเสพติด
16:59
The other thing we do
397
1004000
2000
อีกอย่างหนึ่งที่เราทำ
17:01
is we make everything that's uncertainไม่แน่ใจ certainบาง.
398
1006000
3000
คือเราทำให้สิ่งที่ไม่แน่นอน เป็นสิ่งแน่นอน
17:05
Religionศาสนา has goneที่ไปแล้ว from a beliefความเชื่อ in faithความเชื่อ and mysteryความลึกลับ
399
1010000
3000
ศาสนาเปลี่ยนจากความเชื่อเกี่ยวกับความศรัทธาและความลึกลับ
17:08
to certaintyความเชื่อมั่น.
400
1013000
2000
เป็นความแน่นอน
17:10
I'm right, you're wrongไม่ถูกต้อง. Shutปิด up.
401
1015000
3000
ฉันถูก คุณผิด หุบปาก
17:13
That's it.
402
1018000
2000
แค่นั้น
17:15
Just certainบาง.
403
1020000
2000
แค่ความแน่นอน
17:17
The more afraidเกรงกลัว we are, the more vulnerableอ่อนแอ we are,
404
1022000
2000
ยิ่งกลัวมาก เรายิ่งรู้สึกเปราะบางมาก
17:19
the more afraidเกรงกลัว we are.
405
1024000
2000
แล้วเราก็จะยิ่งกลัวมากขึ้น
17:21
This is what politicsการเมือง looksรูปลักษณ์ like todayในวันนี้.
406
1026000
2000
การเมืองทุกวันนี้ก็เป็นอย่างนั้น
17:23
There's no discourseสนทนา anymoreอีกต่อไป.
407
1028000
2000
ไม่มีการอภิปราย
17:25
There's no conversationการสนทนา.
408
1030000
2000
ไม่มีการคุยกัน
17:27
There's just blameตำหนิ.
409
1032000
2000
มีแต่การกล่าวโทษ
17:29
You know how blameตำหนิ is describedอธิบาย in the researchการวิจัย?
410
1034000
3000
คุณรู้ไหมคะว่าการกล่าวโทษถูกอธิบายว่าอย่างไรในงานวิจัย
17:32
A way to dischargeปล่อย painความเจ็บปวด and discomfortความไม่สบาย.
411
1037000
3000
วิธีปลดปล่อยความเจ็บปวดและความลำบาก
17:36
We perfectสมบูรณ์.
412
1041000
2000
เราอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ
17:38
If there's anyoneใคร ๆ who wants theirของพวกเขา life to look like this, it would be me,
413
1043000
3000
ตัวอย่างคนที่อยากมีชีวิตแบบนี้ ก็คือฉันเนี่ยแหละ
17:41
but it doesn't work.
414
1046000
2000
แต่มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ
17:43
Because what we do is we take fatอ้วน from our buttsก้น
415
1048000
2000
เพราะสิ่งที่เราทำคือ เราตัดเอาไขมันจากก้น
17:45
and put it in our cheeksแก้ม.
416
1050000
2000
ไปแปะไว้ที่แก้ม
17:47
(Laughterเสียงหัวเราะ)
417
1052000
3000
(หัวเราะ)
17:50
Whichที่ just, I hopeหวัง in 100 yearsปี,
418
1055000
2000
ฉันหวังว่าอีกร้อยปีในอนาคต
17:52
people will look back and go, "Wowว้าว."
419
1057000
2000
คนจะหันกลับมามองแล้วคิดว่า"โห"
17:54
(Laughterเสียงหัวเราะ)
420
1059000
2000
(หัวเราะ)
17:56
And we perfectสมบูรณ์, mostมากที่สุด dangerouslyฉกรรจ์,
421
1061000
2000
และเราสร้างความสมบูรณ์แบบ อย่างอันตรายที่สุด
17:58
our childrenเด็ก ๆ.
422
1063000
2000
กับเด็กๆ
18:00
Let me tell you what we think about childrenเด็ก ๆ.
423
1065000
2000
ฉันจะบอกให้ค่ะ ว่าเราคิดถึงเด็กๆยังไง
18:02
They're hardwiredเดินสาย for struggleการต่อสู้ when they get here.
424
1067000
3000
พวกเขาถูกสร้างให้พร้อมที่จะดิ้นรนตั้งแต่เกิด
18:05
And when you holdถือ those perfectสมบูรณ์ little babiesทารก in your handมือ,
425
1070000
3000
และเมื่อเราอุ้มลูกที่ดูสมบูรณ์แบบไว้ในอ้อมแขน
18:08
our jobงาน is not to say, "Look at her, she's perfectสมบูรณ์.
426
1073000
2000
หน้าที่ของเราไม่ใช่การพูดว่า "ดูสิ เธอช่างสมบูรณ์แบบ
18:10
My jobงาน is just to keep her perfectสมบูรณ์ --
427
1075000
2000
หน้าที่ของฉันคือต้องรักษาความสมบูรณ์แบบเอาไว้
18:12
make sure she makesยี่ห้อ the tennisเทนนิส teamทีม by fifthที่ห้า gradeเกรด and Yaleเยล by seventhที่เจ็ด gradeเกรด."
428
1077000
3000
ต้องให้เธอเข้าทีมเทนนิสได้ภายในป.5 แล้วก็เข้าม.Yaleได้ภายในม.1"
18:15
That's not our jobงาน.
429
1080000
2000
นั่นไม่ใช่งานของเราค่ะ
18:17
Our jobงาน is to look and say,
430
1082000
2000
หน้าที่ของเราคือมองดูแล้วก็พูดว่า
18:19
"You know what? You're imperfectไม่สมบูรณ์, and you're wiredแบบใช้สาย for struggleการต่อสู้,
431
1084000
3000
"รู้มั้ย เธอไม่ได้สมบูรณ์แบบ และเธอถูกสร้างมาเพื่อสู้
18:22
but you are worthyคุ้มค่า of love and belongingซึ่งเป็นของ."
432
1087000
2000
แต่ว่าเธอมีค่าพอสำหรับความรัก และความผูกพัน"
18:24
That's our jobงาน.
433
1089000
2000
นั่นคืองานของเรา
18:26
Showแสดง me a generationรุ่น of kidsเด็ก raisedยก like that,
434
1091000
2000
ถ้าเรามีเด็กๆทั้งรุ่นที่ถูกเลี้ยงแบบนั้น
18:28
and we'llดี endปลาย the problemsปัญหาที่เกิดขึ้น I think that we see todayในวันนี้.
435
1093000
3000
เราจะกำจัดปัญหาที่เราเผชิญอยู่ทุกวันนี้ได้หมด
18:31
We pretendแกล้งทำ that what we do
436
1096000
4000
เราแสร้งคิดว่าสิ่งที่เราทำ
18:35
doesn't have an effectผล on people.
437
1100000
3000
ไม่ได้ส่งผลต่อคนอื่น
18:38
We do that in our personalส่วนบุคคล livesชีวิต.
438
1103000
2000
เราทำอย่างนั้นในชีวิตส่วนตัว
18:40
We do that corporateขององค์กร --
439
1105000
2000
เราทำอย่างนั้นในธุรกิจ
18:42
whetherว่า it's a bailoutbailout, an oilน้ำมัน spillหก,
440
1107000
2000
ไม่ว่าจะเป็นการอุดหนุนธุรกิจล้มละลาย หรือกรณีน้ำมันรั่ว
18:44
a recallจำ --
441
1109000
2000
การเรียกคืนสินค้า
18:46
we pretendแกล้งทำ like what we're doing
442
1111000
2000
เราแสร้งทำเป็นว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่
18:48
doesn't have a hugeใหญ่ impactส่งผลกระทบ on other people.
443
1113000
3000
ไม่ได้มีผลกระทบใหญ่หลวงต่อคนอื่น
18:51
I would say to companiesบริษัท, this is not our first rodeoปศุสัตว์, people.
444
1116000
3000
อยากจะบอกพวกบริษัทใหญ่ว่า เราไม่ใช่เด็กอมมือแล้ว เรารู้
18:55
We just need you to be authenticแท้จริง and realจริง
445
1120000
2000
เราแค่อยากให้คุณจริงใจ
18:57
and say, "We're sorry.
446
1122000
2000
แล้วบอกว่า"เราขอโทษ
18:59
We'llดี fixแก้ไขปัญหา it."
447
1124000
3000
เราจะแก้ไขมัน"
19:05
But there's anotherอื่น way, and I'll leaveออกจาก you with this.
448
1130000
2000
แต่ว่ามันมีอีกวิธีหนึ่ง สิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากจะฝากไว้
19:07
This is what I have foundพบ:
449
1132000
2000
ฉันค้นพบว่า
19:09
to let ourselvesตัวเรา be seenเห็น,
450
1134000
2000
การเปิดเผยตัวตนของเรา
19:11
deeplyลึก seenเห็น,
451
1136000
2000
ให้ถูกมองเห็นอย่างลึกซึ้ง
19:13
vulnerablyvulnerably seenเห็น;
452
1138000
3000
ยอมเปราะบางให้ได้มองเห็น
19:16
to love with our wholeทั้งหมด heartsหัวใจ,
453
1141000
2000
การรักทั้งสุดจิตสุดใจ
19:18
even thoughแม้ there's no guaranteeรับประกัน --
454
1143000
2000
ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรมารับประกัน
19:20
and that's really hardยาก,
455
1145000
2000
มันยากมาก
19:22
and I can tell you as a parentผู้ปกครอง, that's excruciatinglyเลือดตาแทบกระเด็น difficultยาก --
456
1147000
3000
ฉันบอกคุณได้เลยในฐานะพ่อแม่ ว่ามันยากเจ็บปวดและมากๆ
19:27
to practiceการปฏิบัติ gratitudeความกตัญญู and joyความปิติยินดี
457
1152000
3000
ในการรู้สึกถึงความตื้นตันและความปิติ
19:30
in those momentsช่วงเวลา of terrorความหวาดกลัว,
458
1155000
2000
ในเวลาที่น่าหวาดกลัว
19:32
when we're wonderingสงสัย, "Can I love you this much?
459
1157000
2000
ที่เราสงสัยว่า"ฉันรักเธอได้มากขนาดนี้จริงเหรอ
19:34
Can I believe in this this passionatelyจู๋จี๋?
460
1159000
2000
ฉันเชื่อในสิ่งนี้ทั้งใจจริงๆรึเปล่า
19:36
Can I be this fierceดุร้าย about this?"
461
1161000
3000
ฉันดุได้ขนาดนี้เลยเหรอ"
19:39
just to be ableสามารถ to stop and, insteadแทน of catastrophizingcatastrophizing what mightอาจ happenเกิดขึ้น,
462
1164000
2000
ในการหยุดยั้งตัวเอง แทนการกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้น
19:41
to say, "I'm just so gratefulกตัญญู,
463
1166000
3000
แล้วพูดว่า "ฉันน่ะโชคดีมาก
19:44
because to feel this vulnerableอ่อนแอ meansวิธี I'm aliveมีชีวิตอยู่."
464
1169000
3000
เพราะการที่ฉันรู้สึกเปราะบาง แปลว่าฉันยังมีชีวิต"
19:48
And the last, whichที่ I think is probablyอาจ the mostมากที่สุด importantสำคัญ,
465
1173000
3000
และสุดท้าย ที่อาจจะสำคัญที่สุด
19:51
is to believe that we're enoughพอ.
466
1176000
3000
คือการเชื่อว่าเราเพียงพอ
19:54
Because when we work from a placeสถานที่,
467
1179000
2000
เพราะเมื่อเราเริ่มต้นจาก
19:56
I believe, that saysกล่าวว่า, "I'm enoughพอ,"
468
1181000
3000
ความเชื่อที่ว่า"เราเพียงพอแล้ว"
20:00
then we stop screamingน่าขันพิลึก and startเริ่มต้น listeningการฟัง,
469
1185000
3000
เราจะหยุดร้องตะโกน และเริ่มรับฟัง
20:04
we're kinderเมตตา and gentlerอ่อนโยน to the people around us,
470
1189000
2000
เราจะอ่อนโยนและมีเมตตาต่อคนรอบข้างมากขึ้น
20:06
and we're kinderเมตตา and gentlerอ่อนโยน to ourselvesตัวเรา.
471
1191000
3000
และเราก็จะอ่อนโยนและมีเมตตาต่อตัวเองด้วย
20:09
That's all I have. Thank you.
472
1194000
2000
นั่นคือทั้งหมดที่ฉันมี ขอบคุณค่ะ
20:11
(Applauseการปรบมือ)
473
1196000
3000
(เสียงปรบมือ)

▲Back to top

ABOUT THE SPEAKER
Brené Brown - Vulnerability researcher
Brené Brown studies vulnerability, courage, authenticity, and shame.

Why you should listen

Brené Brown is a research professor at the University of Houston Graduate College of Social Work. She has spent the past ten years studying vulnerability, courage, authenticity, and shame. She spent the first five years of her decade-long study focusing on shame and empathy, and is now using that work to explore a concept that she calls Wholeheartedness. She poses the questions:

How do we learn to embrace our vulnerabilities and imperfections so that we can engage in our lives from a place of authenticity and worthiness? How do we cultivate the courage, compassion, and connection that we need to recognize that we are enough – that we are worthy of love, belonging, and joy?

Read the TED Blog's Q&A with Brené Brown >>

More profile about the speaker
Brené Brown | Speaker | TED.com